ความงามที่ล่ำลือใต้ท้องทะเลรอบเกาะ มาลาปัสกัว ดึงดูดให้เราอยากไปชมความงามด้วยตาตัวเองสักครั้ง
การเดินทางสู่… มาลาปัสกัว
เรื่อง : ชุตินันท์ โมรา
ภาพ : ชุตินันท์ โมรา และพลพิชญ์ คมสัน
พวกเรานั่งเครื่องบินมาลงที่เกาะเซบู เกาะรูปร่างยาวๆ ตั้งอยู่ท่ามกลางบรรดาหมู่เกาะแห่งประเทศฟิลิปปินส์ ฟิลิปปินส์เป็นประเทศที่ประกอบขึ้นด้วยเกาะจำนวนหลายพันเกาะ ร่องน้ำที่พาดระหว่างเกาะหลายแห่งมีความลึกระดับหลายร้อยเมตร
เกาะ มาลาปัสกัว อยู่ถัดออกมาจากส่วนเหนือสุดของเกาะเซบู การเดินทางไปให้ถึงต้องนั่งรถผ่านถนนชนบท เลาะไปตามหมู่บ้านต่างๆ ตลอด 5 ชั่วโมง แล้วเดินทางต่อด้วยเรืออีกประมาณ 20 นาที เพื่อข้ามไปให้ถึงเกาะเล็กๆ ที่เป็นจุดหมายโลกใต้ทะเลที่นี่ดึงดูดพวกเราด้วยชื่อเสียงของฉลามหางยาวฉลามลึกลับ ที่อาศัยอยู่ในน้ำลึกเกินกว่า 100 เมตร และมีความยาวของหางเกือบเท่าความยาวของตัว
โรงอาบน้ำของฉลาม
ความลับของหางที่เหมือนแส้นั้น เพิ่งถูกเปิดเผยเมื่อไม่กี่ปีก่อน มีคนถ่ายคลิปฉลามใช้หางต้อนปลาเหมือนคาวบอยไล่ต้อนฝูงแกะ เมื่อได้จังหวะก็ฟาดให้เหยื่อสลบก่อนจะว่ายวนกลับมากิน เราเปิดคลิปนี้ดูหลายรอบด้วยความทึ่ง หางแส้เรียวยาวของฉลามเคลื่อนไหวพริ้วอยู่ในน้ำ แค่การสะบัดตัวนิดเดียวหางแส้ก็สะบัดตามเหมือนกับคาวบอยในหนังที่เคยได้ดู
การดูผ่านจอไม่เหมือนกับการพบหน้าจริง คล้ายกับการคุยเฟซไทม์กับคนรู้จัก ซึ่งให้ความรู้สึกต่างกับการนั่งคุยในห้องเดียวกัน การสั่นสะเทือนของน้ำที่เราสร้างไหลไปถึงฉลาม และการสะบัดหางของฉลามก็ส่งกลับมาถึงเรา เรามาที่นี่เพราะอยากพบกับฉลามหางยาวด้วยตัวของเราเอง
ภูเขาใต้ทะเลยอดตัดซึ่งอยู่ทางตะวันออกของเกาะ เป็นจุดแอบดูฉลามหางยาวที่ดีที่สุด ยอดตัดด้านบนแบนราบมีความลึกประมาณ 20 เมตร ตรงขอบของยอดตัดหักลึกดิ่งลงไป ด้านล่างบางช่วงก็เป็นเหวลงไปเป็นร้อยเมตร บางช่วงก็มีชะง่อนหินยื่นออกมาลดหลั่นความลึกลงไป
ย่ำรุ่งและโพล้เพล้
พวกเราต้องตื่นตั้งแต่ตีสี่เพื่อมาให้ถึงจุดแอบรอฉลามให้ทันตอนเช้าตรู่ ประสบการณ์หลายสิบปีของร้านดำน้ำในพื้นที่พบว่าฉลามหางยาวมักจะขึ้นมาบริเวณ cleaning station หรือโรงอาบน้ำนี้มากที่สุดในช่วงก่อนสว่างและก่อนมืด
พวกเราเตรียมตัวลงน้ำในแสงสลัว ท้องฟ้าทางตะวันออกเริ่มมีสีแดงฉาบขึ้นมา แต่ยังไม่เพียงพอที่จะไล่เงามืดไปได้ทั้งหมด เมื่อกระโดดลงน้ำความเย็นของน้ำปลุกเราให้ตื่นเต็มตา นึกขอบคุณตัวเองที่เลือกหยิบฮู้ดหนาสำหรับคลุมศีรษะตอนเก็บกระเป๋า
ไดฟ์ลีดเดอร์ว่ายนำดิ่งไปยังขอบเหวด้านนอก แต่ละร้านที่ให้บริการดำน้ำบนเกาะมาลาปัสกัวมักมีพื้นที่แอบดูฉลามของตัวเอง นักดำน้ำต้องอยู่ในพื้นที่ที่กำหนดไว้ กฏและกติกาในการแอบดูฉลามที่นี่ถูกกำหนดไว้อย่างละเอียด
เวลาที่เราอาบน้ำเราต้องการความสงบและเป็นส่วนตัว ฉลามเหล่านี้ก็เข่นกัน การดำน้ำแอบดูฉลามอาบน้ำจึงต้องการความเงียบ ห้ามส่งเสียงเคาะเรียก ห้ามว่ายเข้าไปไล่ ช่างภาพที่ต้องการจะถ่ายรูปก็ห้ามใช้ไฟและแฟลช การรบกวนฉลามอาจจะทำให้พวกมันรำคาญและหนีออกจากพื้นที่นี้ไป ซึ่งนั่นคือหายนะที่ทุกคนบนเกาะไม่อยากให้เกิดขึ้น
สบตากับฉลาม
พวกเรานั่งนิ่งอยู่หลังเส้นแบ่งเขต กระแสน้ำเย็นและขุ่นดันขึ้นมาจากที่ลึก บวกกับแสงสลัวเป็นสมการที่ไม่เหมาะกับการถ่ายรูปเลยจริงๆ
ฉลามตัวแรกโผล่มาให้เห็นเป็นเงารางๆ ในระยะไกลตา เราแทบจะแยกไม่ออกระหว่างตัวฉลามกับสีฟ้าของน้ำทะเล มือยกกล้องขึ้นมาโดยอัตโนมัติ ถึงแม้จะมองเห็นเป็นแค่เงารางๆ เราก็ยังพยายามกดชัตเตอร์กล้องเพื่อเก็บภาพไว้
เมื่อเราได้ถือกล้องถ่ายภาพความอยากได้ภาพก็พลุ่งพล่าน หลายครั้งก็เผลอลืมเป้าหมายแรกของการมาดำน้ำที่นี่ ฉลามหางยาวว่ายหักเลี้ยววนกลับห่างออกไป สติของเรากลับคืนมา เราลดกล้องลงแล้วเริ่มต้นใหม่ คราวนี้รอดูพวกมันด้วยตาของเราเอง
ฉลามว่ายวนกลับมาอีกครั้ง ปลาพยาบาลตัวเล็กพุ่งขึ้นไปหาฉลามทันทีที่มันเข้ามาใกล้ การว่ายวนช้าๆ เหนือกองปะการังคือการอาบน้ำของมัน เราหายใจออกให้เบาลง พร้อมควบคุมร่างกายให้ผ่อนคลาย ฉลามแลดูผ่อนคลายเช่นกัน มันว่ายวนอยู่หลายรอบ เคลื่อนที่เข้าใกล้เราเรื่อยๆ ใกล้จนเราได้สบตากัน
ดวงตาของฉลามหางยาวกลมโตสมกับเป็นสัตว์ที่อยู่ในพื้นที่แสงน้อย นี่อาจจะเป็นสาเหตุว่า ช่วงเที่ยงที่มีแดดจัดแทบไม่พบตัวฉลามในพื้นที่ตื้นตรงนี้เลย
ฉลามอีกตัวโผล่เข้ามาในพื้นที่โรงอาบน้ำ ตัวนี้มีขนาดใหญ่กว่าตัวแรกอย่างเห็นได้ชัด หางแส้พริ้วไหวเบาๆ ตามการบิดตัวขณะว่ายน้ำทำให้มันดูสง่างาม เราเริ่มจับจังหวะการวนของฉลามและเริ่มถ่ายภาพในจังหวะที่ต้องการ แต่ที่สุดแล้วจังหวะที่ดีไม่ได้ขึ้นกับตัวเรา มันคือความยินยอมของฉลามล้วนๆ ถ้าพวกมันไม่ไว้วางใจที่จะเข้ามาใกล้เราก็ต้องเคารพในการตัดสินใจของมัน
“เพราะถ้าหากเรายิ่งไล่ตามมันก็จะยิ่งหนีห่างออกไป”
อ่านต่อหน้า 2