มีการเล่าเรื่องราวการ กำเนิด พระเยซู ซ้ำไปซ้ำมา แต่เรื่องราวการพบรักที่ผิดแผกไปของพระแม่มารีย์และนักบุญโยเซฟ สามารถพบเจอได้ในประวัติศาสตร์ปาเลสไตน์ยุคโบราณ
ในคัมภีร์พันธสัญญาใหม่ พระวรสารกล่าวถึงเรื่องราวการ กำเนิดพระเยซู หรือวันคริสต์มาสครั้งแรก เรื่องราวที่ดำเนินไปในช่วงเวลาการผงาดขึ้นของจักรวรรดิโรมันสร้างภาพอันงามสง่าของคู่รักหนุ่มสาวผู้ให้กำเนิดบุตรแห่งพระเจ้าในเบธเลเฮม
เป็นเวลาหลายศตวรรษมาแล้วที่โลกของชาวคริสต์โอบรับเรื่องราวความเปี่ยมศรัทธาของพระนางมารีย์ โยเซฟ และพระเยซูในวัยแบเบาะ ทว่าขณะเดียวกัน แม้จะไม่กล่าวถึงความเป็นความเป็นไปได้ของการตั้งครรภ์ทั้งที่ยังมีพรหมจรรย์สถานการณ์ของทั้งสองคนยังคงถูกตัดสินว่าเป็นเรื่องอื้อฉาว และการตั้งครรภ์นอกสมรสก็เป็นอาชญากรรมซึ่งมีโทษถึงตายในสมัยนั้น
หากเป็นเช่นนี้ เหตุใดเรื่องราว “เสื่อมเสีย” ดังกล่าวกลับกลายเป็นหมุดหมายสำคัญของศาสนาคริสต์และเป็นข่าวดีที่ยังมีการเฉลิมฉลองมาจนถึงทุกวันนี้? นี่เป็นคำถามที่มีมานานกว่า 2,000 ปี และนี่คือคำตอบจากบรรดาผู้ศึกษาคัมภีร์ไบเบิล
การหมั้นหมาย
ชีวประวัติของมารีย์มาจากพระวรสารของนักบุญมัทธิวและลูกา (the Gospels of Matthew and Luke) ซึ่งเขียนขึ้นเมื่อราวระหว่างคริสตศักราชที่ 70 และ 110 พระนางมารีย์ซึ่งเชื่อกันว่ามีรูปโฉมงามสะคราญอยู่พอสมควร เป็นบุตรีของนักบุญอันนาและนักบุญโยอาคิมซึ่งกำเนิดที่เมืองนาซาเร็ธ คาดกันว่าพระนางมีรูปโฉมแบบหญิงชาวตะวันออกกลาง มีผมและดวงตาสีดำ และพูดภาษาอารามาอิก (Aramaic) แบบท้องถิ่น
พระนางอาจสมรสตั้งแต่วัยเยาว์เฉกเช่นเดียวกับเด็กสาวทุกคนในสมัยนั้น เนื่องจากผู้คนส่วนใหญ่มีชีวิตอยู่เพียงไม่กี่สิบปี
“มันไม่มีเรื่องสิทธิพิเศษของผู้เยาว์ในสมัยนั้นหรอกครับ” ไบรอน แมคเคน นักประวัติศาสตร์จากมหาวิทยาลัยฟลอริดาแอตแลนติก กล่าว “ทั้งชายหนุ่มและหญิงสาวจะแต่งงานและมีลูกทันทีที่ถึงวัยเจริญพันธุ์”
‘ครอบครัว’ คือผู้จัดการนัดพบดูตัว และเป็นไปได้ว่าในเมืองเล็กๆ อย่าง นาซาเร็ธ ซึ่งมีผู้คนเพียงไม่กี่ร้อย มารีย์อาจรู้จักกับโยเซฟอยู่แล้ว และได้ทำตามประเพณีของชาวยิวยุคโบราณอย่าง ‘การหมั้นหมาย’ ซึ่งเป็นขั้นตอนแรกในสองขั้นตอนพิธีสมรสของชาวยิว
ขั้นตอนแรกเรียกว่า erusin โดยโยเซฟจะมอบ mohar หรือค่าสินสอดให้กับครอบครัวของมารีย์ เมื่อถึงจุดนี้ ถือว่าทั้งสองได้สมรสกันอย่างถูกต้องตามกฎหมายเป็นที่เรียบร้อยแล้ว แต่ในทางประเพณี ฝ่ายหญิงจะอาศัยอยู่กับบิดามารดาต่อไปอีกราวหนึ่งปีหลังการหมั้นหมาย ในระหว่างนั้น ทั้งสองจะรอคอยพิธีแต่งงานหรือ nissuin โดยมารีย์จะย้ายออกจากบ้านของครอบครัวหลังจากพิธีดังกล่าว
รับข่าวดี
แต่หลังจากพิธี erusin ขณะที่มารีย์ยังคงอาศัยอยู่กับครอบครัว พระนางกลับตั้งครรภ์ โดยไม่มีข้อพิสูจน์ที่แน่ชัดว่าเรื่องนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร แต่ตามคำบอกเล่าในพระวรสารนักบุญลูกา หนึ่งในพระวรสารสองฉบับที่เล่าถึงการประสูติของพระคริสต์ในพันธสัญญาใหม่ เล่าว่า ทูตสวรรค์กาเบรียลปรากฏตัวในนิมิตของพระนางมารีย์ผู้เยาว์วัยและกล่าวว่านางคือผู้ถูกรับเลือกจากพระผู้เป็นเจ้า: “ทูตสวรรค์มาหานางและกล่าวว่า ‘สวัสดี เธอผู้ที่พระองค์ทรงโปรด และบัดนี้ ท่านจะตั้งครรภ์และให้กำเนิดบุตรชายคนหนึ่ง และท่านจะตั้งชื่อเขาว่าเยซู’” (ลูกา 1:28)
ศาสน์ดังกล่าวทำให้มารีย์สับสน พระนางไม่ทราบว่าการตั้งครรภ์ครั้งนี้จะเกิดขึ้นได้อย่างไร เพราะตนยังไม่มีความสัมพันธ์กับโยเซฟ จากพระวรสารลูกา การเบรียลอธิบายว่า แม้มารีย์ยังคงเป็นสาวพรหมจรรย์ แต่ ‘ปาฏิหาริย์’ จะเกิดขึ้น “พระวิญญาณบริสุทธิ์จะเสด็จลงมาเหนือท่าน และพระเดชของพระองค์ผู้สูงสุดจะปกปักษ์ท่าน” เทวทูตกล่าว และ “ดังนั้น ทารกที่เกิดมาจะมีนามบริสุทธิ์… ว่าพระบุตรของพระเจ้า (ลูกา 1:35)
จากคำในพระวรสารนักบุญมัทธิว เมื่อโยเซฟทราบเรื่องการตั้งครรภ์ของคู่หมั้น เขามิได้รู้สึกยินดี เพื่อทำตามคำสอนในพระคัมภีร์และมิให้มารีย์ต้องอับอายขายหน้า เขาตั้งใจยกเลิกการหมั้นหมายอย่างเงียบๆ
ในขณะกำลังครุ่นคิดถึงเรื่องนี้ โยเซฟกลับหลับลง พระวรสารฉบับนั้นกล่าวว่า เทวทูตองค์หนึ่งมาเข้าฝันเขาและกล่าวว่า “ท่านจงอย่ากลัวการสมรสกับมารีย์เลย เนื่องจากบุตรในครรภ์ของนางคือบุตรแห่งพระวิญญาณบริสุทธิ์” (มัทธิว 1:20) เมื่อเป็นดังนั้น เขาจึงตื่นขึ้นทราบว่าภรรยาของตนมิได้นอกใจ ก่อนจะสมรสกันและ “นำภรรยามาอาศัยอยู่ในบ้านของตนเอง”
ผลกระทบของการตั้งครรภ์
ไม่ว่าจะเป็นนิมิตจากเทวทูตหรือไม่ การตั้งท้องนอกสมรสถือเป็นสิ่งอันตราย “เรื่องนี้จะถูกมองว่าเป็นการมีชู้ค่ะ” แครอล เมเยอรส์ ศาสตราจารย์ด้านศาสนาประจำมหาวิทยาลัยดุ๊ก กล่าว แต่แม้คัมภีร์ไบเบิลมีคำบัญญัติว่าเมื่อ “ชายผู้หนึ่งคบชู้กับภรรยาของเพื่อนบ้านของเขา ผู้เป็นชู้ทั้งชายและหญิงต้องถูกประหาร” แต่การลงโทษด้วยการปาหินใส่ก็ไม่เกิดขึ้นเสมอไป
อย่างไรก็ตาม การตั้งครรภ์ของมารีย์ก็จะเป็นที่เหยียดหยามในสังคม และอาจทำให้ครอบครัวของพระนางเสื่อมเสียเกียรติ์เช่นกัน เพราะนาซาเร็ธเป็นเมืองเล็กๆ บรรดาเพื่อนบ้านไม่เพียงแค่ทราบว่าเพื่อนบ้านของตนประกอบอาชีพใด แต่ยังมีประวัติศาสตร์ชุมชนที่ยาวนานอีกด้วย นอกจากนี้ ยังมีผลกระทบทางสังคมและครอบครัวต่อโยเซฟและมารีย์ สังคมของทั้งคู่ตั้งอยู่บนความเป็นญาติมิตรที่อัตลักษณ์ของคนคนหนึ่งก่อร่างสร้างขึ้นมาสายสกุลของบิดาดังที่อธิบายไว้ในบทแรกของพระวรสารนักบุญมัทธิวซึ่งบรรยายถึงสายสกุลฝั่งบิดาของพระเยซูว่าเริ่มต้นมาจากอับราฮัมผู้เป็นบิตา
“พวกเขาต้องการทราบว่าบุตรทุกคนมาจากบิดาผู้นั้น” แมคเคนกล่าว “เพราะเขาจำเป็นต้องช่วยเลี้ยงดูจุนเจือพวกเขา
ภาระแห่งภาษี
ชาวยิวในยุคโบราณถูกบังคับให้จ่ายภาษีแก่โรมและกษัตริย์เฮรอด เช่นเดียวกับการมอบหนึ่งในสิบของพืชผลที่ผลิตได้ให้กับวิหารของเทพ พระวรสารนักบุญมัทธิวและลูการะบุว่า เนื่องจากปีนั้นคือปีที่มีการสำรวจจำนวนประชากร ทั้งสองจึงเดินทางไปเบธเลเฮมเพื่อจ่ายภาษีตามคำบัญชาของออกุสตุสซีซาร์ มารีย์และโยเซฟอาจใช้เวลาราวหนึ่งสัปดาห์ในการเดินทางจากนาซาเร็ธ และอาจมุ่งหน้าลงใต้ตามเส้นทางที่ทั้งคู่สามารถหยุดพักผ่อนที่บ่อน้ำพุและหาที่นอนตามเมืองเล็กๆ ระหว่างทาง
เมื่อทั้งสองมาถึงเบธเลเฮม พระวรสารกล่าวว่ามารีย์เริ่มเจ็บครรภ์ ทั้งสองต้องหาที่ให้พระนางคลอด แต่ก็ไม่มีห้องสำหรับทั้งสองคนในโรงแรมประจำเมือง ทั้งสองจึงอาจพักพิงในถ้ำคอกสัตว์เลี้ยงแห่งหนึ่ง อย่างไรก็ตาม มีผู้โต้แย้งว่าแท้จริงแล้วทั้งคู่อาศัยอยู่กับครอบครัวหนึ่งในห้องสำหรับแขก ซึ่งในบ้านของชาวปาเลสไตน์แล้วควรเป็นห้องชั้นล่างซึ่งเป็นที่อยู่ของสัตว์ อย่างไรก็ตาม สิ่งที่แน่นอนคือมารีย์คลอดพระเยซูที่เมืองแห่งนี้ และด้วยเหตุการณ์ครั้งนี้เองได้มีการเฉลิมฉลอง วันคริสต์มาส อีกนานนับพันปีหลังจากนั้น
แปล ภาวิต วงษ์นิมมาน