เที่ยว ไอซ์แลนด์ บางทีการมีเพื่อนดีก็ถือเป็นโชคอันประเสริฐเหมือนกันนะคะ
ลูกหมีเองมีกลุ่มเพื่อนที่เที่ยวมาด้วยกันนาน 7-8 ปีแล้ว หากเราว่างกันเมื่อไรก็มักชวนกันไปเปิดหูเปิดตาท่องโลกกว้าง อย่างทริปล่าสุดช่วงปลายเดือนธันวาคมที่ผ่านมา เราวางแผนไปเที่ยว ไอซ์แลนด์ กันค่ะ ประเทศนี้ถือเป็นดินแดนที่มีการเปลี่ยนแปลงทางธรณีวิทยาและมีภูเขาไฟมากที่สุดแห่งหนึ่งของโลก ทั้งยังเป็นสถานที่ที่ถ่ายรูปวิวทิวทัศน์ได้สวยที่สุดอีกแห่งหนึ่งด้วย ลูกหมีจึงต้องพาตัวเองมาไกลถึงที่นี่เพื่อดูให้เห็นกับตาว่าดีงามสมคำเล่าลือหรือไม่
ทริปนี้เรามีเวลาวางแผนการเดินทางค่อนข้างกระชั้นชิด ลูกหมีกังวลเรื่องเสื้อผ้ามากที่สุด เพราะอากาศที่ไอซ์แลนด์หนาวมากถึงขั้นติดลบ ไม่รู้ที่เราเตรียมไปจะเอาอยู่หรือเปล่า แต่นั่นละ เสน่ห์อย่างหนึ่งของการเดินทางคือการมีเรื่องราวให้ชีวิตได้ลุ้นบ้างก็น่าสนุกไปอีกแบบนะคะ
ในส่วนของการเดินทางนั้นเรียกว่านั่งเครื่องบินกันมาราธอนเลยทีเดียว คือลูกหมีนั่งเครื่องบินจากสุวรรณภูมิไปลงฟินแลนด์ใช้เวลา 11 ชั่วโมง 15 นาที แล้วต่อจากฟินแลนด์ไปลงไอซ์แลนด์อีกเกือบ 4 ชั่วโมง เรามาพักที่กรุงเรคยาวิก (Reykjavik) ซึ่งเป็นเมืองหลวงของไอซ์แลนด์ และได้ชื่อว่าเป็นเมืองหลวงที่ตั้งอยู่ใกล้กับขั้วโลกเหนือมากที่สุดด้วย
เราเที่ยวกันตั้งแต่วันแรกที่มาถึง กระเป๋ายังอยู่บนรถ ยังไม่ได้เช็กอินที่โรงแรม ชุดก็ยังไม่พร้อม เลยจะดูตลกหน่อยกับการมาเที่ยวในสถานที่ที่มีอุณหภูมิติดลบแบบนี้ ยังดีที่บนรถมีรองเท้าสำหรับเดินบนหิมะให้ใส่เพื่อกันการลื่นไถล เรานั่งรถบัสจากสนามบินไปยังภูเขา Kirkjufell ซึ่งมีชื่อภาษาอังกฤษว่า Church Mountain หรือภูเขาโบสถ์ อาจเป็นเพราะมีรูปทรงคล้ายโบสถ์ แต่ลูกหมีมองว่าเหมือนหมวกแม่มดมากกว่า ที่นี่ตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกของไอซ์แลนด์ ใกล้ๆกับภูเขา Kirkjufell มีน้ำตก Kirkjufellsfoss ซึ่งตอนนี้เส้นสายของน้ำตกได้กลายเป็นน้ำแข็งไปเรียบร้อยแล้ว ถือเป็นจุดถ่ายรูปสำคัญจุดหนึ่งของการเดินทางมาเยือนไอซ์แลนด์ วันที่ลูกหมีไปถึงเต็มไปด้วยหิมะขาวโพลน เป็นภาพที่สวยงามมากจริงๆ ค่ะ
แค่เพียงวันแรกที่มาเยือนไอซ์แลนด์ ก็ทำให้ลูกหมีคิดว่าที่นี่คือที่สุดแล้วในเรื่องความสวยงามของทิวทัศน์ธรรมชาติ เรากลับเข้าที่พักในกรุงเรคยาวิก สังเกตได้อย่างหนึ่งว่าบรรยากาศของเมืองนี้ดูเงียบๆ ผู้คนไม่ค่อยพลุกพล่านอย่างเมืองท่องเที่ยวอื่นๆ บางครั้งมองผู้คนแล้วรู้สึกเหมือนพวกเขาดูเหงาๆ เหมือนกับที่ใครๆชอบพูดกันว่าความหนาวมักทำให้เหงา หากใครจะมาเที่ยวไอซ์แลนด์ ลูกหมีขอแนะนำให้มาเป็นคู่ มาคนเดียวมีเหงาแน่นอน เดี๋ยวจะเที่ยวไม่สนุก แต่ลูกหมีมากับเพื่อนๆก็เลยอาจจะสนุกแบบเกินๆไปสักหน่อย
หลังรับประทานอาหารเย็นแล้วรอเวลาจนถึงสามทุ่ม เราก็มุ่งหน้าไปดูแสงเหนือกันที่เมืองเคฟลาวิก (Keflavik) ค่ะ ถือเป็นกิจกรรมที่ต้องทำเมื่อมาเที่ยวไอซ์แลนด์ โชคดีที่ครั้งนี้ลูกหมีมีโอกาสได้เห็น เพราะบางทีหลายคนตั้งใจมาดูแต่ท้องฟ้าปิดก็ไม่ได้เห็น จริงๆแล้วแสงเหนือที่ลูกหมีมองเห็นด้วยตาเปล่าไม่ได้เป็นสีเขียว
อย่างในภาพถ่าย ลูกหมีเห็นว่ามันออกจะขาวๆ นั่นเป็นเพราะว่าออโรราจางลง แต่พอมีความหนาแน่นมากขึ้นก็จะเป็นสีเขียวสด แต่สำหรับลูกหมีเพียงเท่านี้ก็คิดว่าคุ้มแล้วละที่ได้เห็น
น้ำตก Gullfoss เป็นอีกหนึ่งปลายทางที่อยู่ในทริป ซึ่งลูกหมีคิดว่าเป็นสถานที่ที่มีภูมิทัศน์สวยอีกแห่งหนึ่งเลยทีเดียว และได้ชื่อว่าเป็นไนแอการาแห่งไอซ์แลนด์ แต่ตอนที่ลูกหมีมากลายเป็นธารน้ำแข็งไปแล้ว ไว้คราวหน้าจะมาใหม่ในช่วงที่น้ำแข็งละลายและใบไม้เปลี่ยนสีจะยิ่งสวยกว่านี้ ใกล้ๆกับน้ำตกมีม้าน้อยสายพันธุ์เฉพาะของไอซ์แลนด์คือ Icelandic Horse ที่ดูๆไปก็เหมือนม้าโพนี่ในการ์ตูน คอยมายืนเป็นนายแบบให้นักท่องเที่ยวได้ถ่ายรูปกัน
สถานที่ที่เป็นที่สุดของการเดินทางครั้งนี้คือ Jökulsárlón ธารน้ำแข็งพันปีซึ่งถือเป็นทะเลสาบธารน้ำแข็งที่ใหญ่ที่สุดในไอซ์แลนด์ ไกด์ประจำทริปเล่าให้ฟังว่า ก่อนที่คณะของลูกหมีจะมามีน้ำแข็งอยู่ไม่กี่ก้อน ต้องต่อคิวกันถ่ายรูป แต่วันนี้ก้อนน้ำแข็งใหญ่โตกระจัดกระจายอยู่เต็มหาดยาวเป็นกิโลเมตร สร้างความประหลาดใจให้ไกด์อยู่เหมือนกัน ชายหาดที่เต็มไปด้วยประติมากรรมน้ำแข็งดูเปล่งประกายคล้ายเพชรนี้จึงมีชื่อเรียกอีกชื่อว่าไดมอนด์บีช พอได้เห็นความงดงามที่ธรรมชาติสรรค์สร้างขึ้นมา ก็ทำให้ลืมความทุกข์ไปหมดเลย นี่สินะที่เรียกว่าธรรมชาติสามารถเยียวยาหัวใจได้จริงๆ
เพื่อนพี่น้องที่รู้จักลูกหมีมักแซวอยู่เสมอว่าเรา “เที่ยวเก่ง” ลูกหมีคิดว่าโลกใบนี้มีสถานที่อีกมากให้ออกไปค้นหา เราควรทำตัวให้แข็งแรง ทำงานหาเงินเก็บออมไว้ และหาเพื่อนดีๆคอยเคียงข้าง ลูกหมีเชื่อว่าทั้งหมดนี้จะทำให้การเดินทางออกไปเปิดโลกกว้างไม่น่ากลัวแล้วละ และหากคุณมีทุกข้อครบตามนี้… ออกไปเที่ยวหาประสบการณ์ให้ชีวิตกันเถอะค่ะ
เรื่องและภาพ : รัศมี ทองสิริไพรศรี
นางแบบและผู้บริหารบริษัท We Are Model
เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ: 5 แหล่งผจญภัยตามสไตล์ Game of Thrones