บันทึกการเดินทาง กลับบ้านของทะเล

บันทึกการเดินทาง กลับบ้านของทะเล

19.05.2020

แดดยามเช้าลอดผ่านหน้าต่างมาปลุกทุกคนบนเครื่องบิน บอกตามตรงว่าไฟลท์นี้แทบจะไม่ได้นอนด้วยซ้ำ เพราะความแคบของที่นั่งเป็นอุปสรรคสำคัญต่อการเอนนอนอย่างสบายเหลือเกิน ผ่านไปไม่นานเครื่องบินก็เลงจอดที่เมืองอัมสเตอร์ดัม ประเทศเนเธอร์เเลนด์ ใช้เวลาสักพักในการเคลื่อนย้ายทุกคนมาในสนามบิน ไม่นานนัก เรากับเพื่อนๆ จึงตัดสินใจที่จะเดินสำรวจภายในสนามบินเพื่อหาข้าวเช้าของวันนี้ (ความจริงแล้วพวกเรามีเวลาเกือบ 10 ชั่วโมง ในการเดินเล่นในสนามบินนี้ด้วยซ้ำ เพราะเครื่องบินที่จะกลับไทยออกจากที่นี่เกือบ 5 โมงเย็น)

ร้านอาหารในสนามบินแห่งนี้แทบจะปิดกันหมดทุกร้าน แม้แต่ McDonald’s ก็ปิดลง มีเพียงแค่ร้านสะดวกซื้อเล็ก ลๆ สีแดงที่ยังเปิดอยู่ เราเลือกหยิบบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปรสเผ็ดและน้ำอัดลมเป็นมื้อเช้าของวันนี้ เรียกได้ว่าช่วยชีวิตไว้เลยดีกว่าเพราะพวกเราหิวจนตาลายกันหมด (แต่เราก็ซื้อสลัดไก่มาเพิ่มเพราะมันไม่อิ่มจริงๆ ฮ่าๆ)

หลังจากกินข้าวเช้ากันเรียบร้อย เรากับเพื่อนเลือกที่จะนั่งดูซีรี่ส์เพื่อฆ่าเวลาช่วงเช้าอันยาวนานนี้ บรรยากาศเต็มไปด้วยความสนุกสนาน และความเอ็นจอยของทุกคนที่ดูตื่นเต้นกับการสำรวจสนามบินและซื้อขนมของฝากกลับบ้าน เราเลยตัดสินใจเดินหาซื้อช็อกโกแลตติดไม้ติดมือกลับบ้านไปนิดหน่อย (เรื่องตลกก็คือแทบทุกคนถือถุงสีเหลืองที่ได้จากร้านของฝากกันหมดเลย)

ผ่านไปเกือบเที่ยง ทางเจ้าหน้าที่ของสถานทูตที่เนเธอร์เเลนด์ก็แวะนำอาหารเที่ยงและขนมต่างๆ มาให้พวกเรา เพราะอย่างนั้นมื้อเที่ยงของเราจึงเป็นกะเพราหมูที่อร่อยและเผ็ดของจริง ถึงกับน้ำตาไหลกันเลยทีเดียว ช่วงบ่ายคืบคลานเข้ามา หนังตาก็เริ่มหย่อน สารภาพว่าร่างกายรวนไปหมดเพราะไทม์โซนที่เปลี่ยนไปมา เราเลยใช้เวลาที่เหลือในการงีบหลับ ก่อนจะได้คิดอะไรไปมากกว่านี้ ร่างกายก็ชัตดาวน์เป็นที่เรียบร้อยแล้ว

20.05.2020

เช้าวันใหม่เริ่มต้นขึ้นด้วยแสงสว่างจากทางเดินบนเครื่องบินที่เปิดขึ้นมาอย่างเบาบาง เสียงท้องร้องดังแข่งกับเสียงภายนอกให้รู้ว่าร่างกายต้องการอาหารเช้ามากแค่ไหน เพราะเมื่อคืนนี้ไม่ได้มีการเสิร์ฟมื้อเย็นอย่างที่คาดหวังไว้ บรรยากาศเงียบสงบชวนผ่อนคลายที่แฝงความตื่นเต้นไว้ไม่น้อย ทำให้ความตื่นเต้นก่อตัวอยู่ในใจอย่างเงียบ ๆ เพิ่มขึ้นไม่น้อย

ผ่านไปสักพักเครื่องบินก็เเลนดิ้งโดยสมบูรณ์ ณ สนามบินสุวรรณภูมิ แสงแดดจ้าที่ส่องมาจากหน้าต่างทำให้เรารู้ว่าอยู่ประเทศไทยแล้วอย่างแน่นอน ใช้เวลาไม่นานในการเก็บของทุกอย่างก่อนเตรียมออกจากเครื่องบิน

Thank you” เสียงพนักงานบริการบนเครื่องบินเอ่ยขึ้น

Thanks

And welcome home” พนักงานฯ คนเดิมพูดขึ้นอีกครั้งพร้อมกับหัวเราะน้อย ๆ

“YEAH finally, have a nice day!” เราเอ่ยขึ้นพร้อมกับโบกมือลา ก่อนจะเดินต่อไป

อย่างน้อยบทสนทนายามเช้า ก็ไม่ได้ทำให้วันนี้แย่มากนัก 🙂

ร้อน! นี่คือความรู้สึกแรกหลังจากเดินออกจากเครื่องบิน ไอร้อนผ่าวแผ่ซ่านไปทั่วทำให้เหงื่อไหลได้ภายในไม่กี่นาที การกลับไทยในครั้งนี้ เรากลับรู้สึกเหมือนเป็นคนดังที่มีแฟนคลับรออยู่ที่สนามบินเลยทีเดียว เพราะตอนนี้หันไปทางไหนก็มีแต่เจ้าหน้าที่เต็มไปหมด เอกสารต่างๆ ถูกหยิบขึ้นมาวางเต็มไปหมดเพื่อใช้เป็นหลักฐานยืนยันเกี่ยวกับสุขภาพของเรา จากนั้นไม่นาน เราก็ผ่านด่านตรวจคนเข้าเมือง และไปรับกะเป๋าเดินทางเพื่อออกจากที่นี่

รถบัสคันใหญ่จำนวน 2 คัน จอดอยู่ตรงหน้า เพื่อรอรับนักเรียนทุกคนไปยังสถานที่กักตัว 14 วัน บรรยากาศตอนนี้ที่มองไปทางไหนก็มีแต่คนสวมแมสก์จำนวนนับไม่ถ้วนกำลังพ่นน้ำยาฆ่าเชื้อรอบ ๆ กระเป๋าเดินทางอย่างขะมักเขม้น เราเดินตามเจ้าหน้าที่ที่ตอนนี้พาขึ้นรถบัสคันแรกเพื่อรอคนอื่นๆ

นี่เราหายไปนานจนลืมไปแล้วหรอว่าประเทศไทยร้อนขนาดนี้

สองข้างทางค่อย ๆ เปลี่ยนไปเรื่อย ๆ ภายใต้เเสงแดดอันแรงกล้าที่ส่องผ่านม่านเข้ามา รถราดูไม่ได้หายไปมากนักกำลังเคลื่อนไปบนมอเตอร์เวย์กรุงเทพ-ชลบุรี ใช่ค่ะ สถานที่กักตัวของเราครั้งนี้คือ โรงแรมแห่งหนึ่งที่พัทยา และขอบอกเลยว่าโรงแรมนั้นไม่ธรรมดาเลยจริง ๆ (เพราะมี Sea View ด้วย) ซึ่งทุกคนที่มากักตัวจะได้อยู่ห้องละหนึ่งคน โดยที่ห้ามพบเจอกัน หรือออกจากห้องมาเจอกันเด็ดขาด เท่ากับว่าตลอดสองอาทิตย์เราจะได้อยู่ในห้องตลอด 24 ชั่วโมง กันเลยทีเดียว คงต้องหาอะไรทำแก้เบื่อแล้วสินะ

เอาละ! เราจะขอตั้งชื่อ บันทึกการเดินทาง ครั้งนี้ว่า “5 วันกับการกลับไทย ไม่ใช่เรื่องล้อเล่น” บอกตามตรงเลยว่าเป็นประสบการณ์ที่แปลกใหม่มาก เพราะแม้ว่าจะมีเงินก็คงไม่ได้สัมผัสอะไรแบบนี้ (ถ้าคิดในแง่ดีนะ) ทั้งได้เจอกับสถานทูตจากประเทศต่าง ๆ การได้ครองสนามบินที่แทบจะร้างผู้คน หรือการได้นอนอยู่บนเครื่องบินลำใหญ่ประหนึ่งที่นั่งชั้น First Class การเดินทางกลับครั้งนี้จึงไม่ใช่แค่ความยาวนานเท่านั้นที่เป็นอุปสรรค เเต่ยังมีเรื่องความปลอดภัยที่ยังคงเป็นปัญหาใหญ่ บอกเลยว่าถือเป็นการเดินทางที่ตื่นเต้นและน่าจดจำไปตลอดชีวิตอย่างแน่นอน

03.06.2020 

14 วันสำหรับกระบวนการ state quarantine บรรยากาค่ำคืนอันแสนคุ้นเคยสลับสับเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็วผ่านหน้าต่างรถยนต์ สารภาพว่าเรารู้สึกตื่นเต้นกับป้ายต่างๆ ที่เป็นภาษาไทยมาก เพราะไม่ได้เห็นอะไรแบบนี้มานานเหลือเกิน ความสงบยังคงดังกว่าความวุ่นวายบนท้องถนนอยู่ดี แม้ว่าแม่และพ่อจะนั่งอยู่ด้วยกัน แต่ตอนนี้ใจลอยไปถึงอาหารของแม่ที่เตรียมรอไว้ที่บ้านแล้ว คิดถึงอาหารของแม่เหลือเกิน

บันทึกการเดินทาง

 

Recommend