ดอยหลวง-ดอยหนอก จังหวัดพะเยา คืนที่เต็มไปด้วยหมอก อดดูดาว กับเรื่องราวศรัทธาของผู้คน
ใจไม่อยู่กรุงเทพฯมาหนึ่งสัปดาห์แล้ว ดอยหลวง-ดอยหนอก
ลมที่พัดเอาความกดอากาศต่ำเข้ามากรุงเทพฯ ชวนให้เราอยากแบกสำภาระหนักหลายกิโลเมตร ขึ้นภูเขาสักลูก ผมเริ่มจากการที่ไม่เคยเดินป่าเหมือนกับหลาย ๆ คน ในยุคที่การอัพรูปเป็นเหมือนกับการกินอาหารให้ครบมื้อ กินข้าวเพื่อบรรเทาความหิวโหย ส่วนการอัพรูปคาดหวังจะช่วยบรรเทาความอัดอั้นที่จะถ่ายทอดเรื่องราวของใครของมัน ผมเห็นภาพภูเขาเคล้าหมอก ดงป่าทึบ ต่างถูกอัพโหลดตลอดทั้งปี โดยเฉพาะช่วงปลายฝนต้นฤดูหนาว ดอยหลวง-ดอยหนอก
เราออกเดินทางช่วงหัวค่ำ รถตู้คือยานสี่ล้อที่จะพาไปเจอกับจังหวัดพะเยา ด้วยความเร็วชั่วโมงละ 100 กิโลเมตร คาดว่าจะถึงตลาดสดพะเยาซึ่งเป็นจุดหมายแรกที่อยู่ใกล้กับจุดเริ่มต้นเดินป่า
และพวกเราจะได้จับจ่ายวัตถุดิบสำหรับประกอบอาหารทั้งหมด 5 มื้อ ขณะเดียวกันก็ต้องกินมื้อเช้า และจัดหามื้อกลางวันไปพร้อม ๆ กัน ผมได้ “ลาบไก่คั่ว” เมนูท้องถิ่นที่เพิ่งเคยเห็นและจะได้กินเป็นมื้อเที่ยง สำเนียงคนเมืองน่ารัก ๆ พูดชวนให้ลอง ชวนให้ซื้อ ผมมีความกังวลเดียว ก็คือถ้าเก็บไว้กินช่วงบ่าย มันจะเสียไหมครับ
พอได้คอนเฟิร์มจากคุณป้าและลูกสาว ผมรีบจ่ายเงินแลกกับลาบไก่คั่วทันที
นอกจากข้าวของส่วนตัว รวมถึงน้ำดื่มคนละ 2 ขวดใหญ่แล้ว ในเป้นี้ยังเต็มไปด้วยขนมปังขนาดสองแถวใหญ่ บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปแพ็ค น้ำมันพืชขวดใหญ่ แก๊สกระป๋อง และหัวแครอท
ดวงอาทิตย์ตอกบัตรเริ่มงานพอดี โจ๊กไข่ตอกสองฟองที่ตลาดเช้ากับราคามิตรภาพแท้จริง
เพราะราคาไม่ถึง 35 บาท ถูกลำเลียงลงท้องอย่างรวดเร็ว ขณะที่รถตู้กำลังมุ่งหน้าไปยังหมู่บ้านของกลุ่มพี่ลูกหาบ ซึ่งเป็นจุดที่จะต้องจัดสรรน้ำหนักสัมภาระส่วนกลาง เต็นท์ เครื่องครัวสนาม ข้าวสาร เสบียงกรัง
ของเหล่านี้จะอยู่บนหลังพี่ลูกหาบคนละ 15 กิโลกรัม แล้วน้ำหนักที่ของพวกเราได้คำนวณกันไว้จะต้องใช้ลูกหาบ 3 คนแบก และได้ทำการจองล่วงหน้าในจำนวนเท่ากันคือ 3 คน กลายเป็นว่าวันนี้พวกเราได้ลูกหาบเพียง 2 คน เท่านั้น เนื่องจากจำนวนลูกหาบไม่เพียงพอต่อความต้องการ แล้วน้ำหนักที่เหลืออีก 15 กิโลกรัม ก็ต้องถูกเฉลี่ยให้กับสมาชิกทุกคนราว ๆ คนละ 1 กิโลกรัมกว่า ๆ บอกเลยว่าเซอร์ไพร้ส์ตั้งแต่ยังไม่เริ่มเดิน!
เราจะมาดูกันว่าความคาดหวังของน้ำหนักบนหลังของทุกคนว่าจะต้องแบกเท่าที่เตรียมมาเท่านั้น
แล้วจะส่งผลให้ประสิทธิภาพของการเดินเป็นอย่างไร มาดูกันครับ…
แมงมุมถักทอโครงข่ายที่เป็นบ้านแบบซีทรู หรือมองอีกมุมหนึ่งก็คล้ายสถาปัตยกรรมทรง Sphere ที่เอาไว้รับน้ำหนักเจ้าของบ้าน เอาไว้ดักแมลง ทั้งยังดักน้ำค้างในตอนเช้าได้เป็นอย่างดี
ชีววิทยาเท่าที่รู้
ท้องฟ้ากำลังเลือกระหว่างจะปล่อยหยาดฝนลงมา หรือจะพัดเมฆผ่านไปให้แดดส่องลงมา ผมเห็นพื้นดินเปียกชื้นราวกับวันก่อนมีฝนตกลงมา จากที่ถามพี่ลูกหาบก็เป็นการยืนยันว่ามีฝนตกลงมาจริง นับเป็นฝนที่สับสนฤดูอยู่ไม่น้อย เพราะเวลาก็ล่วงเลยมาถึงเดือนพฤศจิกายนแล้ว หากจะมองขึ้นบนต้นไม้ก็จะเจอเหล่าใยแมงมุมที่ถักทอออกมาเป็นโครงสร้างสถาปัตยกรรมแปลก ๆ เต็มไปหมด หรือหากลองมองดูพื้นก็จะมีหนอนกำลังคืบคลานภายใต้ชุดขนมิงค์สีสันหลากสไตล์ ผมไม่แปลกใจเลยที่ชาร์ล ดาร์วิน จะถ่ายทอดความหลงใหลออกมาเป็นหนังสือ The Origin of Species ที่บอกเล่าทฤษฎีวิวัฒนาการ และความเชื่อมโยงของระบบนิเวศ
ใครเลียนแบบใครกันแน่ ระหว่างผึ้งเลียนแบบแมลงวัน หรือไม่ก็สลับกัน?
การห้ามใจไม่ให้หยุดเดินต่อเป็นไปได้ยากพอสมควร ด้วยระยะทางที่ไกลกว่าจะถึงจุดกางเต็นท์
ทุกคนจึงมีสปีดการเดินที่เร่งอยู่เล็กน้อย ด้วยความกังวลว่าอาจเดินถึงจุดหมายปลายทางช้า ซึ่งจะส่งผลหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็นการเลือกโลเคชั่นสำหรับกางเต็นท์ที่ต้องเป็นพื้นที่ราบเรียบ วิวสวย ๆ โล่ง ๆ ไปจนถึงการเตรียมมื้อเย็นที่แพลนกันมาหลายเมนู ซึ่งอย่างหลังน่าจะสำคัญสุด
ผมเพลิดเพลินไปกับความหลากหลายที่คอยต้อนรับตลอดสองข้างทาง โดยไม่แยแสต่อเวลา และเพื่อนที่กำลังเดินล่วงหน้าห่างกันภูเขาหลายลูก จนเมื่อถึงเวลาต้องพักทานมื้อกลางวัน นั่นหมายถึงสัมภาระจะเบาลงเล็กน้อยจากลาบไก่คั่วที่ซื้อจากตลาดเช้า ผมเล็งร่มไม้ใหญ่ที่พอจะมีพื้นที่โล่งให้หย่อนก้นและสัมภาระลงได้ ความหนักอึ้งถูกวางลง ผมอยากจะกินทุกอย่างให้หมด น้ำหนักจะได้เบาลงบ้าง ทันทีที่นั่งได้ไม่นาน เหล่าแมลงสารพัดที่หากินใกล้ระดับพื้นก็เข้ามาตอม คาดหวังว่าตัวผมจะมีน้ำหวาน หรือไม่ก็ของเหลวที่ซึมออกทางผิวหนัง ให้พวกเขาได้ดูดดื่มไปใช้ประโยชน์ แล้วพระเจ้าก็ส่งบางอย่างมาให้ผมได้สงสัย
ผมได้พบกับแมลงชนิดหนึ่งบินมารอบ ๆ ศีรษะ สีสัน และขนาดของมัน ถ้าเป็นระบบ AI ก็ต้องบอกว่าเป็นผึ้งแน่นอน สำหรับคนที่เคยเดินป่า ขณะที่เดินอยู่นั้นมักจะมีผึ้งบินตามเราเป็นระยะ ๆ นั่นหมายถึงบริเวณที่เราอยู่นั้น น่าจะมีรังผึ้งอยู่ในระยะไม่เกิน 100 เมตร แน่ ๆ
แต่ตัวนี้มีลักษณะบางอย่างที่ไม่เหมือนผึ้งอยู่หลายประการ คือแมลงตัวนี้บินเสียงเบามากหากเทียบกับผึ้ง รวมถึงใบหน้าที่ค่อนข้างใหญ่กว่าผึ้งทั่วไป ปากมีท่อแยกออกเป็นสองฝั่ง และประการสุดท้าย คือม่านตาที่ดูใหญ่คล้ายกับแมลงวันเป๊ะ!
ใช่จริง ๆ ด้วย เพราะมันคือแมลงวันเลียนแบบผึ้ง!
สงสัยเลยไหมว่า ทำไมถึงได้เป็นแมลงวันที่จำแลงเป็นผึ้งได้
ผมคือหนึ่งในผู้สงสัย และวันนี้ได้รับคำอธิบายแล้ว
เมื่อก่อนผมได้อ่านหนังสือเกี่ยวกับการเลียนแบบของสิ่งมีชีวิตบนโลก ซึ่งเป็นผลจากการวิวัฒนาการจากอดีตสู่ปัจจุบัน เพื่อการรักษาเผ่าพันธุ์ของตัวเอง หลากหลายวิธีในการหลอกผู้ล่า รวมถึงหลอกสิ่งมีชีวิตที่เป็นคู่แข่ง
แมลงวันตัวนี้มีรูปร่างหน้าตาคล้ายกับผึ้ง ต่อ และแตน โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อหลอกให้แมลงชนิดอื่นเข้าใจว่าพวกมันมีพิษ ซึ่งจะทำให้สัตว์ผู้ล่า รวมถึงมนุษ์อย่างพวกเราด้วย ไม่กล้าเข้าไปยุ่ง เพราะกลัวโดนเหล็กในที่มีพิษร้ายกาจ สรุปโดนหลอกกันถ้วนหน้าครับ!
การค้นหาความสงบสามารถเกิดขึ้นได้ทุกที่ แต่อาตมาเข้ามาแสวงหาอย่างอื่นด้วยนั่นก็คือ ธรรมชาติ
ธรรม is All Around
เมื่ออาหารได้ถูกลำเลียงแล้วเปลี่ยนเป็นพลังงาน การเดินขึ้นลงภูเขาย่อมทำให้พลังงานที่ได้มานั้นหมดเร็ว
ด้วยสภาพอากาศที่เมฆเริ่มคลี่คลาย กลายเป็นภูเขาที่ไร้หลังคาเมฆ บวกกับที่พวกเราเดินมาถึงยอดภูเขาลูกหนึ่ง ความร้อนทำให้ผิวที่ถูกเคลือบด้วยโลชั่นกันแดดบาง ๆ กลายเป็นสีแดงสด
ผมได้พบกับภิกษุผู้แบกสัมภาระและย่ามที่อัดแน่นไปด้วยอาหารแห้ง ด้วยเครื่องชุดพระภิกษุมีหลายเลเยอร์
อยู่กลางป่ากลางเขา จริง ๆ แล้ว หลวงพี่ไม่จำเป็นต้องสวมครบทุกชิ้นก็ได้ อากาศอบอ้าวไร้ร่มไม้ให้พักพิง ผมรู้สึกร้อนแทน
ผมได้เข้าไปทักทายหลวงพี่ ถามไถ่ถึงที่มา การฝึกฝน และวัตถุประสงค์ของการปลีกวิเวก รวมถึงชื่อในวงการ
ด้วยการที่มาค้นหาความสงบ หลวงพี่บอกว่าปกติอาตมาจำวัดอยู่ในเมือง ความวุ่นวายทำให้พระต้องออกเดินทางค้นหาสถานที่ที่เหมาะแก่การฝึกจิต ในเซสชั่นสนทนาสั้น ๆ นั้น ผมสัมผัสถึงความสงบแท้ของพระได้ชัดเจน การอยู่ในป่าคนเดียวถือเป็นเรื่องไม่ง่ายนัก
แสงสเปกตรัมที่พาดจากทิศหนึ่งไปยังทิศหนึ่ง การมองเห็นขึ้นอยู่กับมุมมองขอผู้สังเกตการณ์บนพื้นโลก และโอกาสที่จะเจอรุ้งซ้อนกันสองอันถือว่ายากมาก
บ่ายคล้อยเย็นเป็นช่วงเวลาที่อากาศร้อนมาเจอกับอากาศเย็น หลังจากที่เจอกับหลวงพี่ นอกจากจะสอนธรรมให้กับพวกเราแล้ว ยังชี้ให้ดูรุ้งกินน้ำอีกด้วย สารภาพเลยว่าตอนนั้นเริ่มเร่งฝีเท้าจนไม่ได้หันกลับไปมองข้างหลัง ถ้าไม่ได้เจอกับหลวงพี่ บอกเลยว่าคงจะพลาดสุด ๆ เพราะรุ้งที่เห็นไม่ใช่รุ้งกินน้ำธรรมดา แต่เป็นรุ้งกินน้ำแบบดับเบิ้ลเรนโบว์ คือมันซ้อนกันสองอัน เกิดมาเพิ่งเคยเห็นนี่แหละครับ สวยงาม และซ่อนคำอธิบายไว้มากมาย
มันทำให้ผมนึกถึงคลิปหนึ่งในยูทูป คลิปมีชื่อว่า Yosemitebear Mountain Double Rainbow 1-8-10 ของคุณ Yosemitebear62 ซึ่งตอนนี้ยอดวิวอยู่ที่ 48 ล้าน! ในคลิปคุณ Yosemitebear62 พูดว่า Double rainbow, Oh my God. It’s so beautiful แล้วก็ร้องไห้… นี่แหละครับคลิปไวรัลยุคแรก ๆ ของโลก
รุ้งกินน้ำสับขาหลอกให้พวกเราหยิบเสื้อกันฝนที่ซ่อนอยู่ลึกสุดกระเป๋าออกมาสวม หลังจากนั้นไม่นานท้องฟ้าก็เปิดอีกครั้ง…
น้อยคนมากจะได้เห็นวิวทไวไลท์แบบนี้บริเวณทุ่งหญ้าเด่นสะแกง เนื่องจากทุกกลุ่มน่าจะเดินเร็วกว่าผม
อ่านต่อหน้า 2