เคยไหมเวลาเราเจอใครสักคนแล้วเราปล่อยผ่านไปทั้งที่ใจอยากจะเข้าไปพูดคุย จนบางครั้งเมื่อเหตุการณ์ผ่านไปแล้วเราก็ได้แต่คิดในใจว่าไม่อยากให้การเจอกันครั้งนั้นเป็นครั้งสุดท้าย
ผมพบผู้หญิงคนหนึ่งโดยบังเอิญจากการเข้าไปดูเพจเกี่ยวกับภาพถ่ายธรรมชาติ โดยเฉพาะภาพถ่ายของนกนานาชนิดจากการ ดูนก ของเธอ ผมตั้งคำถามกับตัวเองว่าทำไมถึงอยากพูดคุยกับผู้หญิงคนนี้ สุดท้ายก็คิดว่าน่าจะเป็นเพราะชื่อเพจที่เรียกตัวเองว่า “ป้า” ของผู้หญิงคนนี้กระมังที่ทำให้เราอยากรู้เรื่องราวของเธอจนไม่อยากปล่อยผ่านเหมือนครั้งที่ผ่านมา
ผมมีนัดพูดคุยกับ “ป้ากล้อง” หรือคุณหน่อย – ธนพร พิชิตพรรณ เจ้าของเพจเฟซบุ๊ก “ป้ากล้อง” ที่อ่างเก็บน้ำกระเสียว อำเภอด่านช้าง จังหวัดสุพรรณบุรี ด้วยเหตุผลที่ว่าที่นี่เป็นที่อยู่อาศัยของนกนานาชนิดและเป็นที่ที่ป้ากล้องชอบมาแอบถ่ายภาพนกนั่นเอง แล้วผมยังถือโอกาสนี้เรียนรู้วิธีการแอบถ่ายนกของป้ากล้องด้วย เผื่อใครที่สนใจเรื่องถ่ายภาพสัตว์ตามธรรมชาติจะได้ลองนำไปปรับใช้กันครับ
“ป้ากล้อง” คือใคร
ต้องเริ่มจากคำว่า “ป้ากล้อง” ก่อน ในความคิดพี่ถ้าเป็นผู้ชายถ่ายภาพเราจะเรียก “ตากล้อง” หากเป็นผู้หญิงเขาก็เรียก “ยายกล้อง” ทีนี้เราไม่อยากเป็นยายไง (หัวเราะ)ขอเป็นแค่ป้าก็พอ เพราะด้วยวัยที่อายุ 56 ปีแล้วก็น่าจะเป็นป้าได้ อีกอย่างพี่มีความรู้สึกว่าป้าเป็นคำพูดที่ฟังดูคุ้นเคยกับลูกหลาน กับรุ่นน้องหรือกับเพื่อนรุ่นเดียวกัน ไม่แบ่งชั้นเป็นคนใกล้ชิดเป็นญาติสนิท คิดว่าคำนี้น่าจะเหมาะกับการที่เรานำมาตั้งชื่อเพจของเราซึ่งทำขึ้นมาเพื่อแบ่งปันความสุขที่เราได้เห็นให้คนอื่นๆได้เห็นด้วยนี่จึงเป็นที่มาของชื่อเพจป้ากล้องและที่มาของเพจ
เสน่ห์ของเพจ “ป้ากล้อง” คืออะไร
น่าจะเป็นความจริงใจในการนำเสนอแบบที่ตัวเองเห็นและเขียนเล่าอย่างง่ายๆ ตรงไปตรงมาแบบป้าบอกป้า พี่บอกน้อง แม่บอกลูก ทุกอย่างเขียนออกมาจากใจจริงๆ เขียนแบบคนที่ไม่มีความรู้เรื่องเขียนหนังสือนี่แหละ จุดประสงค์หลักอีกอย่างคืออยากนำความสุขมาให้แก่ผู้ที่ได้พบเห็นเพจของเราด้วย
ก่อนจะมาเป็น “ป้ากล้อง”
พี่ก็เป็นพี่หน่อย เป็นเจ๊หน่อย คุณหน่อย ยายหน่อยของชาวนาแถวบ้าน ด้วยอาชีพของพี่ที่ต้องคลุกคลีอยู่กับชาวนาชาวบ้าน เพราะพี่เขาขายอุปกรณ์และสินค้าการเกษตรอยู่ที่อำเภอเดิมบางนางบวช จังหวัดสุพรรณบุรี เป็นอาชีพที่ทำมานานถึง 25 ปีทั้งที่ตอนเรียนก็เรียนการเงินการธนาคารซึ่งไม่เกี่ยวข้องกับการเกษตรเลย
แต่ด้วยความที่พี่เป็นลูกชาวนาเคยวิ่งเล่นอยู่แถวนี้คุ้นเคยกับชาวบ้าน เลยส่งให้ธุรกิจที่ทำไปได้ดี จริงๆ พี่เรียนไม่จบปริญญาตรีนะ จบแค่อนุปริญญา เพราะว่าช่วงนั้นต้องทำงานด้วย เธอเล่าและเสริมว่า เลยคิดว่าทำงานก่อนแล้วค่อยเรียนทีหลัง สุดท้ายก็ไม่ได้เรียน แต่ถามว่าเสียดายไหม พี่ว่าพี่โชคดีแล้วที่ไม่ได้เรียนสูงอย่างคนอื่น
พี่มาเรียนตามแนวทางที่พี่รักจริงๆ ชอบจริงๆ เพราะพี่เชื่ออย่างหนึ่งว่า “ความรู้เรียนทันกันหมด” จะมีก็แต่ความชั่วดีเท่านั้นที่ไม่เท่ากันจึงอยากจะบอกน้องๆ และลูกหลานเลยนะว่า อยากเป็นอะไรให้เรียนอย่างนั้นเพราะอะไรที่ชอบเราเราจะทำได้ดี ถ้าเข้าระดับมหาวิทยาลัยแล้วมันเสียเวลาถึง 4 ปีเลยนะ ถ้าคุณไม่ชอบสิ่งที่คุณเรียนมา
อ่านต่อหน้า 2