DAY 2 โคนิจิวะ ภูเขาไฟมิฮาระ
พวกเรานัดคุณป้าคานะตอนแปดโมงเช้า ภารกิจของวันนี้คือการมุ่งหน้าไปปีนภูเขาไฟมิฮาระ ซึ่งยังคงคุกรุ่นอยู่แม้ว่าจะไม่เคยปะทุมา 33 ปีแล้ว “จากประสบการณ์ที่อยู่บนเกาะนี้มายี่สิบกว่าปี ป้าคาดว่าอีก 3-4 ปีข้างหน้าอาจจะเกิดขึ้นอีกครั้งก็ได้ ถึงขนาดชาวบ้านบางคนยังไม่กล้าซ่อมแซมบ้านของตัวเองเลย รอให้พ้น 3 ปีนี้ไปก่อน”
คุณป้าไกด์ได้แสดงทัศนะของเธอ ก่อนจะบอกให้พวกเราเตรียมตัว โดยจุดเริ่มต้นการเดินอยู่ที่โรงแรม Miharayama Hot Spring ซึ่งเป็นเส้นทางที่เดินสวนกับนักท่องเที่ยวกลุ่มอื่น เพราะในทีมเรามีประสบการณ์การเดินป่าเขามาพอสมควร จึงร้องขอเส้นทางที่คิดว่าไกลและโหดกว่าคนอื่นสักนิด คุณป้าไกด์ก็เลยจัดให้15 กิโลเมตร จากโรงแรมมีเส้นทางเดินป่าเล็กๆและป้ายบอกชัดเจน ทางเดินเป็นหินลาวาสีดำสนิท สองข้างทางพอมีต้นไม้ไม่ใหญ่มากให้ร่มเงาระหว่างทางเดินประมาณ 1 กิโลเมตร
จากนั้นเป็นทางเดินโล่งๆ ไม่นานนักก็เดินผ่านทะเลทรายโอซาบาคุจิไต ทะเลทรายสีดำที่มีก้อนลาวาแข็งและแหลม หากใครเป็นแฟนภาพยนตร์สตาร์วอร์ส คงจินตนาการว่ากำลังเดินอยู่บนดวงจันทร์เป็นแน่ ช่วงที่พวกเราไปถึงคือต้นเดือนพฤศจิกายน อากาศกำลังดี อุณหภูมิอยู่ที่ 15 องศาเซลเซียส ควรเตรียมเสื้อกันหนาวและเสื้อกันลมไปด้วย เพราะเมื่อปีนขึ้นไปถึงช่วงจุดสูงๆจะมีลมแรง ระหว่างทางพวกเราเดินผ่านทุ่งหญ้าซูซูกิสีเหลืองนวลที่ขึ้นกระจัดกระจายอยู่เต็มพื้นที่ ยิ่งเมื่อแสงแดดยามบ่ายตกกระทบด้วยแล้ว ก็ช่วยขับให้ใบหญ้าเปล่งสีเหลืองทองมากขึ้น ถ้าหากว่าใครเบื่อชมดอกซากุระหรือเบื่อเดินทางไปยังทุ่งลาเวนเดอร์ที่ฮอกไกโด ลองมาชมทุ่งดอกหญ้าซูซูกิของที่นี่ก็ไม่เลวนะครับ
ทีมเราใช้เวลาเดินเท้าเกือบสามชั่วโมงก็มาถึงบริเวณปากปล่อง ภูเขาไฟมิฮาระ แต่ละจุดรอบปากปล่องภูเขาไฟมีป้ายสื่อความหมายบอกเล่าเหตุการณ์และช่วงเวลาที่เกิดการปะทุของภูเขาไฟ พวกเราใช้เวลาถ่ายรูปและสัมผัสกับความสวยงามของธรรมชาติอยู่พักหนึ่ง จึงเดินกลับไปยังจุดที่รถมารอรับ ซึ่งอยู่อีกด้านหนึ่ง ระหว่างทางเดินกลับ พวกเราพบหินก็อตซิลลาที่ธรรมชาติสร้างสรรค์ไว้ ถือเป็นไฮไลต์หนึ่งในเส้นทางที่ต้องแวะถ่ายรูป สรุปแล้วทีมเราใช้เวลาเดินเท้าทั้งหมด 7 ชั่วโมง ถ้าเดินจริงจังคิดว่าใช้เวลาประมาณ 3-4 ชั่วโมงน่าจะจบทริป แต่เนื่องจากแวะถ่ายรูปในแต่ละจุดนานมาก ทำให้ใช้เวลามากพอควร
สุดท้ายพวกเรายังพอเหลือเวลาและเรี่ยวแรงไปเดินทางตอนใต้ของเกาะ เพื่อชมความงดงามของเขาชั้นหินเซนบะ ผาหินที่มีหน้าผาเป็นภาพตัดขวาง มีเส้นสายเหมือนเครปเค้ก ซึ่งเป็นหลักฐานทางธรณีวิทยาที่สวยงาม ผ่านการทับถมมายาวนานกว่า 15,000 ปี จุดนี้พวกเราเน้นถ่ายรูปและชื่นชมความงามที่ธรรมชาติสร้างขึ้น
จุดสุดท้ายของวันนี้คือหาดทรายสีดำ เป็นจุดที่นักท่องเที่ยวนิยมไปนอนดูดาว และถ่ายภาพดาวในยามราตรี ความกว้างและเงียบสงบของหาดทรายทำให้มีเต่าทะเลมาวางไข่ไว้เป็นจำนวนมาก บริเวณนี้ไม่สามารถหาร้านอาหารหรือของที่ระลึกตามแหล่งท่องเที่ยวได้ มีเพียงแค่ห้องน้ำสะอาดๆไว้บริการ นักท่องเที่ยวต้องเตรียมอาหารและน้ำดื่มมาเอง อีกอย่างคือขยะที่คุณนำมากรุณานำกลับไปทิ้งที่บ้าน เห็นแล้วรู้สึกดีต่อหัวใจครับ พวกเรานั่งมองดวงอาทิตย์ลับขอบฟ้าที่หาดทรายดำ หมดไปอีกวันแต่แรงยังมีพรุ่งนี้ค่อยว่ากัน
อ่านต่อหน้า 4 การเดินทางวันทีสาม