เดินป่า 4 วัน 49 กิโลเมตร บนเส้นทางชีวิตสัมพันธ์คนดอย คนเมือง และธรรมชาติ

เดินป่า 4 วัน 49 กิโลเมตร บนเส้นทางชีวิตสัมพันธ์คนดอย คนเมือง และธรรมชาติ

วันที่ 3: หมื่อฮะคี ดินแดนอาทิตย์ลับขอบฟ้า (เมื่อยามมาถึง)

ในเช้าวันที่ 3 ผมลืมตาด้วยความรู้สึกว่านอนอย่างไม่เต็มอิ่ม เนื่องจากคืนวันก่อน อุณหภูมิเลขตัวเดียวบนยอดดอยซึ่งรวมตัวกับน้ำค้างหนาที่เกาะเต็นท์ได้ผลิตมวลอากาศหนาวสุดขั้วเสียดทะลุเข้ามาตามร่างกาย ผมจึงรู้สึกตัวเป็นระยะๆตลอดทั้งคืน

อย่างไรก็ตาม เมื่อถึงเวลาที่แสงอาทิตย์แผ่กระจายไปทั่วท้องฟ้า ผมก็ต้องเริ่มออกเดินป่าในวันที่ 3 อีกครั้ง

เดินป่า, แม่ฮ่องสอน, ขุนน้ำเงา, Fjallraven Thailand Trail
คณะเดินป่าส่วนหนึ่งกำลังดูแผนที่เปรียบเทียบเส้นทางเดินในวันที่ 3 ซึ่งสามารถมองเห็นได้จากยอดดอยธง

เส้นทางที่ผมต้องเดินในวันนี้มีความยาว 19 กิโลเมตร ซึ่งยาวที่สุดในการเดินทาง เราเริ่มไต่ระดับลงจากดอยธงเพื่อไปยัง หมื่อฮะคี หรือหมู่บ้านแม่หาด หมู่บ้านชาวกะเหรี่ยงบนดอยที่ตั้งอยู่บนระดับความสูง 930 เมตรจากระดับทะเล และตั้งอยู่ไกลที่สุดแห่งหนึ่งจากทางถนน ในอดีต คนนอกสามารถสัญจรมาทางถนนได้เฉพาะแค่ในหน้าแล้งเท่านั้น คำว่า หมื่อฮะคี ในภาษากะเหรี่ยงแปลว่า ดินแดนอาทิตย์อัสดง ซึ่งมีความหมายแฝงว่า ใครก็ตามที่มายังหมู่บ้านแห่งนี้ มักจะถึงในช่วงที่ดวงอาทิตย์ลับขอบฟ้าไปแล้ว

ตั้งแต่ออกเดินทางผมก็ค้นพบว่า เส้นทางนี้มีครบทุกรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นทางเดินราบเรียบปกคลุมไปด้วยร่มเงาจากต้นไม้สูงใหญ่ ทางลาดสูงชันที่ค่อนข้างอันตราย และทางเดินขึ้นเขาที่มาพร้อมกับอากาศเบาบาง เป็นต้นเดินป่า, แม่ฮ่องสอน, ขุนน้ำเงา, Fjallraven Thailand Trail

เดินป่า, แม่ฮ่องสอน, ขุนน้ำเงา, Fjallraven Thailand Trail

เดินป่า, แม่ฮ่องสอน, ขุนน้ำเงา, Fjallraven Thailand Trail
สภาพภูมิทัศน์อันหลากหลายที่ปรากฎระหว่างเส้นทาง

หลังจากเดินมาตลอดทั้งวัน ผมเริ่มเดินตัดเข้าไปในพื้นที่ของหมู่บ้านเพื่อไปยังจุด Check Point ที่ 3 ซึ่งในพื้นที่หมู่บ้านนี้เอง นักเดินป่าทั้งชาวไทยและต่างประเทศจะได้เห็นบ้านเรือนและความเป็นอยู่ของชาวกะเหรี่ยงที่เรียบง่าย อยู่ร่วมใกล้ชิดกับธรรมชาติ ได้ยินคำทักทายและเห็นรอยยิ้มที่มอบให้กับผู้มาเยือน มีช่วงหนึ่งที่ผมเกือบหลงทาง ชาวบ้านก็ให้คำแนะนำเรื่องเส้นทางกับคนแปลกหน้าอย่างผมเป็นอย่างดี ผมจึงคาดเดากับตัวเองว่า แม้วิถีชีวิตสมัยใหม่จะคืบคลานเข้ามา แต่จิตวิญญาณของชาว “หมู่บ้านในนิทาน” ยังคงอยู่กับพวกเขาเดินป่า, แม่ฮ่องสอน, ขุนน้ำเงา, Fjallraven Thailand Trail

เดินป่า, แม่ฮ่องสอน, ขุนน้ำเงา, Fjallraven Thailand Trail
แสงสุดท้ายของวันที่หมื่อฮะคี อันมีความหมายในภาษากะเหรี่ยงว่า ดินแดนอาทิตย์อัสดง (เมื่อยามมาถึง)
เดินป่า, แม่ฮ่องสอน, ขุนน้ำเงา, Fjallraven Thailand Trail
เด็กนักเรียนโรงเรียนหมู่บ้านแม่หาด หรือหมื่อฮะคีในภาษากะเหรี่ยง

หมื่อฮะคียังคงเป็นดังคำเล่าลือ เพราะกว่าผมจะเดินมาถึงจุดหมาย ก็เป็นช่วงแสงสุดท้ายของวันแล้ว

หลังจากกางเต็นท์ ผมนำเงินที่ติดตัวอย่างสงบนิ่งมาตลอด 3 วัน ใช้จ่ายไปกับร้านค้าชั่วคราวที่ชาวบ้านในพื้นที่มาตั้งโต๊ะขายให้กับนักเดินป่ากลุ่มใหญ่ เนื่องจากช่วงเวลาที่ผ่านมา ผมต้องพึ่งพาเสบียงที่ติดตัวมาเป็นหลัก ดังนั้นการได้ใช้จ่ายซื้ออาหารที่ปรุงสดใหม่กับชาวบ้านจึงเปรียบเหมือนดินแดนสวรรค์บนดินน้อยๆ และเมื่อคิดว่าการใช้จ่ายครั้งนี้จะเป็นรายได้เพิ่มเติมให้กับชาวบ้านที่มีส่วนเบื้องหลังในเส้นทางนี้ก็ทำให้รู้สึกอิ่มทั้งกายและใจ

เดินป่า, แม่ฮ่องสอน, ขุนน้ำเงา, Fjallraven Thailand Trail, บ้านกะเหรี่ยง
บ้านเรือนของชาวกะเหรี่ยงในหมู่บ้านตามเส้นทางที่เดินผ่าน
เดินป่า, แม่ฮ่องสอน, ขุนน้ำเงา, Fjallraven Thailand Trail
เด็กหญิงชาวกะเหรี่ยงที่พบเจอในหมู่บ้านระหว่างเดินบนเส้นทาง
เดินป่า, แม่ฮ่องสอน, ขุนน้ำเงา, Fjallraven Thailand Trail
อาหารสดใหม่ที่ชาวกะเหรี่ยงในพื้นที่นำมาจำหน่ายให้กับนักเดินป่า

วันที่ 4: สบโขง ชีวิตจริงของต้นน้ำและนาเชิงเขา

ในวันสุดท้าย ผมออกเดินทางจากหมื่อฮะคี ลงจากยอดดอยเป็นระยะทางราว 14 กิโลเมตร ไปยังเส้นชัยที่ หมู่บ้านสบโขง หมู่บ้านชาวกะเหรี่ยงริมฝั่งแม่น้ำเงา ซึ่งเป็นแม่น้ำที่ยังคงใสสะอาด เนื่องจากอยู่ในป่าลึกและชาวบ้านช่วยกันรักษาต้นน้ำอย่างดี เส้นทางจากหมู่บ้านลงดอยต้องผ่านทางเดินที่เมื่อ 3 ปีที่แล้ว ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่มีการจัดกิจกรรมเดินป่านี้เป็นครั้งแรก คือหนึ่งในพื้นที่ไร่นาหมุนเวียนของชาวบ้านที่ตั้งอยู่ตรงเชิงเขา แต่ทุกวันนี้ ที่ดินตรงนี้ซึ่งผมกำลังเดินผ่านอยู่ในช่วงกระบวนการฟื้นตัว มีต้นไม้พุ่มเตี้ยๆขึ้นปกคลุมเส้นทางเดิน แทบดูไม่ออกว่าเคยผ่านการทำไร่มาก่อน

เดินป่า, แม่ฮ่องสอน, ขุนน้ำเงา, Fjallraven Thailand Trail
เส้นทางเดินที่ลาดลงในหุบเขา
เดินป่า, แม่ฮ่องสอน, ขุนน้ำเงา, Fjallraven Thailand Trail
ระหว่างการเดินทาง จะมีผู้นำทาง (ซ้าย) คอยนำทางและให้คำแนะนำตลอดการเดินทั้ง 4 วัน

ความเหนื่อยล้าที่เกิดขึ้นตลอด 3 วันเริ่มกลายเป็นความเคยชิน เมื่อเดินลงมาเรื่อยๆ ที่บริเวณป่าเชิงเขา ผมจึงสนุกกับการได้พบเจอธารน้ำเล็กๆ หลายสิบสายที่กลั่นมาจากต้นน้ำหลายจุดในป่า และในเส้นทางนี้เองที่ผมได้เห็นต้นน้ำเป็นครั้งแรกในชีวิต

ยิ่งเดินใกล้ถึงจุดหมายมากขึ้น จากที่เคยเห็นธารน้ำเล็กๆ ก็เริ่มเห็นเป็นแม่น้ำสายใหญ่ที่ค่อนข้างไหลเชี่ยว ขณะเดียวกันผมก็เริ่มเห็นที่ดินเพาะปลูกพืชไร่ของชาวเขามากขึ้น พร้อมกับอุณหภูมิร้อนระอุที่เริ่มเข้าหาตัวเดินป่า, แม่ฮ่องสอน, ขุนน้ำเงา, Fjallraven Thailand Trail

เดินป่า, แม่ฮ่องสอน, ขุนน้ำเงา, Fjallraven Thailand Trail
ธารน้ำเล็กๆ ต้นกำเนิดของแม่น้ำสายใหญ่จะมีปรากฎให้เห็นเรื่อยๆ ในเส้นทาง
เดินป่า, แม่ฮ่องสอน, ขุนน้ำเงา, Fjallraven Thailand Trail
วิถีชีวิตของชาวกระเหรี่ยงที่อยู่ร่วมกับแหล่งน้ำตามธรรมชาติที่ได้พบเห็นตามเส้นทาง

ในช่วงเวลาบ่ายคล้อย ผมเดินทางถึงเส้นชัยในหมู่บ้านที่เป็นจุดหมาย ผมพบเห็นชาวบ้านในหมู่บ้านกำลังจัดเตรียมพื้นที่เลี้ยงฉลองในตอนเย็นให้กับนักเดินป่าผู้พิชิตเส้นทางเดินอันหฤโหดนี้ พอมองทะลุไปเบื้องหลังฉากนั้นก็จะพบกับแม่น้ำเงา แม่น้ำสายใหญ่ที่เป็นปลายทางของต้นน้ำที่ผมได้เดินตามมาตลอด 4 วัน ดังนั้นเมื่อจัดการปลดสัมภาระและตั้งเต็นท์แล้ว ผมจึงพาร่างกายอันเหนื่อยล้าพุ่งลงไปยังแม่น้ำสายนั้นที่ทั้งใสสะอาดและให้ความสดชื่นแก่ผมอย่างเต็มกำลัง

เดินป่า, แม่ฮ่องสอน, ขุนน้ำเงา, Fjallraven Thailand Trail
เส้นชัยและจุดสิ้นสุดการเดินป่า ที่หมู่บ้านสบโขง จะมีชาวบ้านรอต้อนรับ

เดินป่า, แม่ฮ่องสอน, ขุนน้ำเงา, Fjallraven Thailand Trail, แม่น้ำเงา

เดินป่า, แม่ฮ่องสอน, ขุนน้ำเงา, Fjallraven Thailand Trail
เวทีและอัฒจันทร์ที่สร้างจากไม้ไผ่โดยชาวบ้านหมู่บ้านสบโขง ด้านซ้ายคือแม่น้ำเงา แม่น้ำสายสำคัญของชาวบ้านในแถบนี้ ซึ่งยังคงใสสะอาด เนื่องจากต้นน้ำได้รับการดูแลอย่างดี

“เหมือนได้เกิดใหม่เลยแฮะ” เพื่อนร่วมเส้นทางเดินป่าที่กำลังดำผุดดำว่ายในแม่น้ำกล่าวกับผมเช่นนั้น ผมเองก็รู้สึกไม่ต่างกัน

เหมือนกับว่าธรรมชาติแห่งนี้ได้ให้ชีวิตใหม่กับผมอีกครั้ง

บทสรุป: ชีวิตสัมพันธ์ของชาวบ้าน นักเดินป่า และการอนุรักษ์ธรรมชาติ

ในบรรยากาศงานเลี้ยงตอนค่ำ ช่วงที่ชาวบ้านสบโขงจำนวนหนึ่งมาจำหน่ายอาหารให้กับบรรดานักเดินป่าไปเลี้ยงฉลองความสำเร็จของตัวเอง ผมปลีกตัวมาพูดคุยกับชาวบ้านที่มาเป็นผู้นำทางในครั้งนี้ หนึ่งในนั้นคือ โม๊ะโล๊ะ วนาธรรมเจริญ ชาวบ้านหมู่บ้านสบโขงที่เป็นผู้นำทางมาตลอด 4 วัน ผมถามโม๊ะโล๊ะและชาวบ้านคนอื่นๆไปตรงๆว่า คนนอกอย่างนักเดินป่าที่มาในวันนี้ได้ทำประโยชน์อะไรให้กับพวกเขาจากการเดินป่าครั้งนี้บ้างไหม

โม๊ะโล๊ะเท้าความให้ฟังถึงวิธีการหารายได้ของเขาและชาวกะเหรี่ยงส่วนใหญ่ นั่นคือการเข้าไปรับจ้างทั่วไป ตัวเขาเองก็เลี้ยงสัตว์ ทำรายได้ราว 20,000 – 30,000 บาทต่อปี แต่ถ้าหักค่าใช้จ่ายแล้วจะเหลือประมาณ 15,000 – 20,000 บาท และเมื่อถึงฤดูทำพืชไร่ เช่น ปลูกถั่ว ซึ่งทำได้เพียงปีละหนึ่งครั้งในช่วงเดือนสิงหาคมถึงพฤศจิกายน ก็จะได้รายได้ราว 20,000 บาท โดยยังไม่หักต้นทุน เมื่อหารจำนวนรายได้เป็นต่อวันก็ไม่ได้มากมายนัก ชาวกะเหรี่ยงส่วนใหญ่มีวิถีชีวิตเช่นนี้ แต่การทำหน้าที่เป็นผู้นำทางในกิจกรรมเดินป่าครั้งนี้สร้างรายได้ให้เขาเพิ่มเติมอีกราว 500 บาทต่อวัน หากคำนวณเงินที่พวกเขาจะได้รับตลอดทั้งงานก็เป็นสัดส่วนรายได้ต่อวันที่มาก นอกจากนี้ยังมีชาวบ้านที่ได้ประโยชน์จากการให้บริการรถกระบะและจำหน่ายอาหารระหว่างเส้นทางอีกมาก

เดินป่า, แม่ฮ่องสอน, ขุนน้ำเงา, Fjallraven Thailand Trail
ผู้นำทางให้กับนักเดินป่า ซึ่งส่วนใหญ่เป็นชาวกะเหรี่ยงที่อยู่อาศัยอยู่ในหมู่บ้านตามเส้นทางเดินป่า หนึ่งในทีมผู้อยู่เบื้องหลังงานเดินป่าครั้งนี้
เดินป่า, แม่ฮ่องสอน, ขุนน้ำเงา, Fjallraven Thailand Trail
กิจกรรมล่องแพไม้ไผ่ในแม่น้ำเงาโดยชาวบ้าน เป็นกิจกรรมทางเลือกที่นักเดินป่าเข้าร่วมได้หลังเสร็จสิ้นการเดินป่า

แม้โครงการ Fjallraven Thailand Trail ที่จัดขึ้นเพียงราว 1 สัปดาห์ใน 1 ปี จะจบไป แต่พวกเขาไม่ได้หยุดบทบาทแต่เพียงเท่านี้ เพราะโครงการเดินป่าเล็กๆนี้ได้เป็นต้นแบบให้ชาวบ้านในเส้นทางเดินป่าได้ร่วมมือกันจัดตั้งวิสาหกิจชุมชนในชื่อ เส้นทางเดินป่าระยะไกลชุมชนขุนน้ำเงา เพื่อจัดการนำเที่ยวเดินป่าในเส้นทางรูปแบบเดียวกันนี้แก่ผู้ที่สนใจในช่วงฤดูหนาว พร้อมกับกิจกรรมท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติอื่นๆ เช่น แคนูแคมปิ้งและการตกปลาเชิงอนุรักษ์ที่ชาวบ้านเป็นผู้ดูแล การบริการท่องเที่ยวเชิงธรรมชาตินี้เองที่เป็นตัวกระตุ้นให้ชาวบ้านต้องรักษาธรรมชาติตามวิถีดั้งเดิมของพวกเขา โดยผู้ที่ให้การฝึกอบรมการจัดการท่องเที่ยวคือมูลนิธิธรรมชาติไม่จำกัด ที่มีพี่งบ ผู้ริเริ่มโครงการเส้นทางเดินป่าในครั้งนี้ เป็นหนึ่งในผู้ก่อตั้ง จนปัจจุบัน ชาวบ้านสามารถรับนักท่องเที่ยวผ่านการติดต่อโดยตรงทาง Facebook ได้แล้วเดินป่า, แม่ฮ่องสอน, ขุนน้ำเงา, Fjallraven Thailand Trail

เดินป่า, แม่ฮ่องสอน, ขุนน้ำเงา, Fjallraven Thailand Trail
ชาวบ้านในหมู่บ้านสบโขง กำลังเตรียมตั้งร้านขายอาหารให้กับบรรดานักเดินป่าที่เข้าร่วมงานเลี้ยงฉลองในวันสุดท้าย
เดินป่า, แม่ฮ่องสอน, ขุนน้ำเงา, Fjallraven Thailand Trail
การแสดงพื้นถิ่นของชาวกะเหรี่ยงที่นำมาแสดงในช่วงเลี้ยงฉลองวันสุดท้าย

ถึงแม้ว่าในอนาคต พื้นที่บางส่วนที่ผมได้เดินมาจะอยู่ในขั้นเตรียมการประกาศให้เป็นอุทยานแห่งชาติแม่เงา ซึ่งจะมีกระบวนการอนุรักษ์ให้เป็นไปตามกฎหมาย แต่ในทางปฏิบัติ จำเป็นต้องมีพื้นที่ป่าส่วนหนึ่งไว้สำหรับการทำกินของชาวบ้านเอง สำหรับผมแล้ว การจะอนุรักษ์พื้นที่นี้เอาไว้ให้ได้คงไม่ใช่การปล่อยให้เป็นหน้าที่ของชาวบ้านแต่เพียงลำพัง คนเมืองซึ่งเป็นผู้รับทรัพยากรปลายน้ำสามารถมีส่วนช่วยในการสร้างรายได้ให้กับพวกเขาโดยการเข้ามาท่องเที่ยวเพื่อเรียนรู้ธรรมชาติ ภายใต้หลักการที่รบกวนธรรมชาติและเจ้าบ้านให้น้อยที่สุด เพื่อให้เห็นถึงคุณค่าของสิ่งที่พวกเขาพยายามรักษาและมีผลต่อตัวเรา

จะคนบนดอยหรือคนเมืองก็ไม่ต่างกัน เพราะทุกคนล้วนกำเนิดมาจากธรรมชาติ

เรื่อง เกียรติศักดิ์ หมื่นเอ
ภาพ ณัฐวัฒน์ ส่องแสง

*รายละเอียดเพิ่มเติม: บทความนี้เขียนขึ้นจากประสบการณ์ที่ผู้เขียนได้เข้าร่วมเดินป่าในงาน Fjallraven Thailand Trail 2020 เมื่อ 16-22 ม.ค. ที่ผ่านมา

สำหรับผู้อ่านที่สนใจไปตามรอยหลังจากนี้ สามารถสอบถามรายละเอียดได้ที่เพจ https://www.facebook.com/MaeNgowTrekking/ (เส้นทางเดินป่าระยะไกลชุมชนขุนน้ำเงา) โดยชาวบ้านจะจัดเดินป่าแบบนี้แค่ในช่วงหน้าหนาวเท่านั้น


อ่านเพิ่มเติม แสงแรกในแดนอาทิตย์อุทัยบนยอดภูเขาไฟฟูจิ

Recommend