Rock Climbing and getting Lost in Rumney’s woods / ออกไปปีนหน้าผาและหลงป่าในความมืด
แสงที่ส่องผ่านม่านเข้ามาในรถในเช้าวันถัดมาบวกกับเสียงคุยกันเบาๆจากแคมป์ข้างๆปลุกให้เราตื่น เมื่อเปิดประตูรถออกมาก็พบว่าฝนหยุดแล้วแต่ฟ้ายังปิดและพื้นยังเปียกอยู่มาก มองไปที่ลานหญ้ากว้างมีร่องรอยน้ำแข็งจางๆบ่งบอกถึงความเย็นของอากาศ พื้นที่ตั้งเตนท์ของที่นี่ไม่ใหญ่เราจึงใช้เวลาไม่นานในการหาเพื่อนๆจนเจอกัน หลังจากปรึกษาถึงแผนการของวันนี้แล้ว เราตกลงว่าจะเริ่มปีนกันช่วงบ่าย รอให้มีแดดสักนิดและหน้าผาหินคายน้ำออกไปอีกหน่อย ถ้าใครปีนผาเป็นที่รู้กันว่าการปีนหินตอนเปียกไม่ใช่เรื่องสนุกเลย
หลังจากทานอาหารเช้าและเตรียมอุปกรณ์เรียบร้อย ทีมเล็กๆห้าคนของเราก็เริ่มออกเดินสู่จุดหมาย Rumney ได้ชื่อว่าเป็นจุดปีนผายอดนิยมที่นักปีนผาทั่วโลกมารวมตัวกัน ด้วยลักษณะของหิน Schist บน Rattle Snake Mountain (หินแปรชนิดหนึ่ง – ในประเทศไทยพบได้ที่ อ.พนมสารคาม จ.ฉะเชิงเทรา) ที่มีลักษณะเป็นริ้วคล้ายกับลายไม้และมีแร่ Mica วาววับในหินเป็นส่วนประกอบหลัก
หน้าผาที่เกิดจากหินชนิดนี้มีหลายรูปทรงและลักษณะประกอบกัน เป็นจุดเด่นที่ทำให้ผาที่นี่มีระดับตั้งแต่ง่ายมากไปจนถึงยากที่สุด และเป็นส่วนสำคัญที่ดึงดูดนักปีนทุกระดับให้มารวมตัวกัน
เส้นทางปีนใน Rumney กว่าครึ่งนั้นจะเป็นการปีนในรูปแบบ Sport Lead Climbing ที่ต้องอาศัยความแข็งแรงและทักษะในการปีนรวมถึงการใช้อุปกรณ์ให้ถูกต้องและปลอดภัย จากความตั้งใจที่จะเดินกลับลงไปก่อนพระอาทิตย์ตก กลับกลายเป็นว่าเราสนุกจนเกือบลืมเวลา กว่าจะเก็บอุปกรณ์เสร็จพระอาทิตย์ก็ลับเหลี่ยมเขาไปแล้ว ทุกคนเตรียมใจพร้อมหยิบไฟฉายคาดหัวออกมาเมื่อรู้ว่าจะต้องเดินกลับในความมืดอย่างแน่นอน
การเดินป่าในความมืดไม่ใช่เรื่องง่าย โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเส้นทางถูกใบไม้ปกคลุมยากที่จะมองเห็น เราค่อยๆไต่ก้อนหินลงมากันอย่างทุลักทุเล เนื่องจากเราอยู่ในจุดที่เกือบจะสูงสุดของภูเขา นั่นแปลว่าระหว่างทางลงมาจะมีหน้าผาลดหลั่นไปเรื่อยๆ แต่ละก้าวจึงต้องคอยสังเกตเส้นทางไม่ให้เดินไปสู่ขอบผา เราใช้เวลาสักพักในป่าที่มืดสนิทจนมาถึงน้ำตกที่เราเดินผ่านในช่วงแรก ต่างกันเพียงว่าตอนขามาเราอยู่ด้านล่างของน้ำตกแต่เวลานี้เราทั้งห้ากำลังยืนอยู่ที่น้ำตกชั้นบนสุด
ทุกคนเริ่มกังวลว่าจะหาทางผ่านน้ำตกลงไปอย่างไรไม่ให้อันตราย พอดีกับที่เรามองเห็นไฟฉายสองดวงอยู่ไกลๆด้านล่างปลายสุดของทางน้ำ นักปีนผาที่เดินผ่านมาเห็นไฟคาดหัวของเราคงสงสัยว่าพวกเราทำอะไรกันอยู่บนนี้ ทั้งสองคนช่วยปีนขึ้นมาดูเส้นทางและนำให้เรากลับลงไปอย่างเปียกปอนแต่ปลอดภัย นับเป็นช่วงเวลากว่าชั่วโมงในความมืดมิดกลางป่าที่เราสัญญากันว่าจะไม่ให้เกิดขึ้นอีกต่อไป
เช้าวันอาทิตย์หลังจากผ่านวันอันเหน็ดเหนื่อย แม้จะมีที่นอนนุ่มๆกับถุงนอนอย่างดีก็ยังทำให้เราตื่นขึ้นมากลางดึกเพราะความหนาวอุณหภูมิติดลบหลายครั้ง แต่ด้วยวันนี้เป้าหมายของเราคือการปีนเขาให้เต็มที่ เราจึงยอมตื่นแต่เช้าเพื่อมาเตรียมตัวโดยมีแผนการจะไปถึงหน้าผาให้เร็วที่สุด Rattlesnake Campground แห่งนี้ตั้งอยู่ห่างจากหน้าผาเพียงถนนกั้น
เสียงตะโกนส่งสัญญานของนักปีนผาคนอื่นๆดังก้องข้ามถนนมาเตือนให้เรารีบจัดการมื้อเช้าและเดินข้ามถนนไปยังหน้าผาที่ใกล้ที่สุดทันทีแม้อากาศจะหนาวจัดแต่วันนี้ฟ้าเปิดเต็มที่ แดดอ่อนๆสาดส่องไปบนหินสีเทาดำเป็นประกาย วันนี้เราเลือกเส้นทางในระดับที่ไม่ยากไม่ง่ายจนเกินไปและใช้เวลาปีนกันจนถึงช่วงบ่ายต้นๆก็ได้เวลาแยกย้าย เพื่อนๆขับรถกลับเข้าเมืองนิวยอร์ก และนับจากนี้ไปอีก 8 วันก็จะเป็นเวลาท่องเที่ยวใน แคมเปอร์แวน สำหรับเราสองคน