Leisure Camping / Recreational camping
เราใช้เวลาเช้านี้แบบช้าๆเพราะรู้ว่าอีกสามวันก็ต้องกลับนิวยอร์กแล้ว แม้ครั้งนี้จะเป็นเพียงครั้งที่สองที่เราออกมาทดลองใช้ชีวิตและท่องเที่ยวในรถตู้ ขับรถไปเรื่อยๆเหนื่อยก็พัก แต่เราก็พบว่าความสนุก สงบหรือแม้กระทั่งความตื่นเต้นเล็กๆน้อยๆล้วนเติมเต็มความสุขในชีวิตได้ วัฒนธรรม Recreational camping ในอเมริกาเริ่มมาตั้งแต่ปี 1860 และค่อยๆเพิ่มความนิยมขึ้นเรื่อยๆ จากรายงานของ North American Camping Report, sponsored by Kampgrounds of America (KOA)******
ในปี 2019 มีจำนวน campers สูงถึง 91 ล้านครอบครัว เพิ่มมาจากปี 2018 ถึง 2.7 ล้านคน* และคาดว่าตัวเลขในปี 2020 นี้จะเพิ่มมากขึ้นไปอีกจากการคาดการณ์อันเนื่องมาจากสถานการณ์ Covid-19 ที่ทำให้ผู้คนเริ่มมองหารูปแบบการท่องเที่ยวที่ปลอดภัยจากโรคระบาด การขับรถท่องเที่ยวรวมถึงการออกมาใช้ชีวิตในธรรมชาติเป็นหนทางหนึ่งที่คนส่วนใหญ่ให้ความสนใจเป็นอย่างมาก
Hiking up the Grand Monadnock Mountain / ตะกายเขาสูงสามพันฟีต
เย็นวันศุกร์เราขับรถออกจาก Pawtuckaway State Park มาถึง Gilson Pond Campground ที่ตั้งอยู่ใน Monadnock State Park มาถึงจุดนี้เราแทบจะลืมวันลืมคืนกันไปแล้ว เราไม่ได้ดูปฏิทิน แทบไม่ได้ดูนาฬิกา เข้านอนไวและตื่นเช้า ทานอาหารพอดีและเน้นอาหารที่ปรุงง่ายได้สารอาหารครบถ้วน ดื่มน้ำเยอะตลอดเวลา ดูเหมือนว่าคุณภาพชีวิตระหว่างนี้จะดีอย่างเห็นได้ชัด อดใจหายไม่ได้ที่เราต้องมาเริ่มนับถอยหลังเพราะรู้ว่าวันจันทร์ที่จะถึงนี้เราต้องกลับไปใช้ชีวิตแบบคนเมืองนิวยอร์กอีกแล้ว
เมื่อมาถึงทางเข้าผู้ดูแล campground แห่งนี้ให้คำแนะนำเกี่ยวกับเส้นทางปีนเขาที่เราตั้งใจจะปีนในวันรุ่งขึ้น ระยะทางแม้ไม่ไกลแต่ความยากของเส้นทางอาจจะทำให้เราต้องใช้เวลาทั้งวัน ดังนั้นเราจะต้องตื่นแต่เช้าเพื่อให้สามารถกลับลงมาก่อนมืด แน่นอนว่าประสบการณ์ปีนลงเขาในความมืดจากวันแรกของทริปนี้ยังชัดเจนอยู่และเป็นสิ่งที่เราไม่ต้องการให้เกิดขึ้นอีก คืนนี้เราจัดการเตรียมอุปกรณ์ใส่กระเป๋าไว้เรียบร้อยและเข้านอนในชุดพร้อมออกเดินทาง
Mount Monadnock เป็นหนึ่งในภูเขาที่ผู้คนนิยมมาปีนมาปีนมากที่สุดแห่งหนึ่งของโลก ด้วยความสูง 965 เมตรจากระดับน้ำทะเล (3,165ft) ถือเป็นยอดเขาสูงที่สุดในพื้นที่ทางตอนใต้ของ New Hamshire พื้นที่โดยรอบของ Mount Monadnock มีส่วนยอดเป็นหินล้วนๆและไม่มีภูเขาใดๆอยู่ใกล้เลย หากเราอยู่บนยอดเขาในวันที่อากาศดีฟ้าโปร่งจะสามารถมองเห็นไปถึงเมืองบอสตันที่อยู่ไกลออกไปราวๆ 112 กิโลเมตรเลยทีเดียว และยอดเขาก็คือเป้าหมายของเราในวันนี้ หลังจากตุนพลังและเตรียมน้ำและอาหารไว้พร้อมแล้วเราก็เริ่มออกเดินขึ้นเขากัน
ทางขึ้นสู่ยอดเขาสามารถไปได้หลายเส้นทาง หากเริ่มเดินจากสำนักงานของอุทยานจะใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมงถึงยอดเขาบนระยะทางราวๆ 3.2 กิโลเมตร แต่เราตั้งใจจะเริ่มเดินจาก campground ไปเลยซึ่งจะมีระยะทางไกลกว่าคือ 5.6 กิโลเมตรและใช้เวลาเดินถึงยอดเขาประมาณ 3 ชั่วโมง 15 นาที ระยะทางเหล่านี้ฟังดูเหมือนไม่ไกลแต่เส้นทางจะยากและชันมากเมื่อเข้าใกล้ยอดเขา
เราเริ่มเดินแบบสบายๆในป่าสีเหลืองทอง ค่อยๆไต่ระดับไปเรื่อยๆจนเวลาผ่านไปประมาณหนึ่งชั่วโมงเศษเราก็มาถึงทางแยกที่มีเส้นทางจากจุดเริ่มต้นอื่นๆมาบรรจบกัน หลังจากนั่งพักดื่มน้ำเก็บแรงกันสักพักเราก็ออกเดินต่อ เมื่อดูจากแผนที่แล้วจากจุดนี้ไปทางจะเริ่มชันขึ้นเรื่อยๆ ทางเดินเริ่มกลายเป็นหินที่ต้องปีนไต่ระดับขึ้นไป ไม้เท้าที่ใช้อยู่ถูกเก็บและเปลี่ยนมาเป็นใช้มือช่วยในการปีนแทน ทางชันมากจนเราเริ่มกังวลถึงตอนขาลงที่ดูน่าจะยากกว่าการปีนขึ้นหลายเท่าตัว
สองชั่วโมงผ่านไปเราตะเกียกตะกายขึ้นมาจนถึงลานหินกว้างบริเวณยอดเขาจนได้ เส้นทางที่เราเลือกเดินวันนี้มีคนไม่มากนัก อากาศไม่ค่อยเป็นใจหมอกลงหนาและมีฝนโปรยเบาๆ แม้อุณหภูมิจะต่ำแต่เรากลับรู้สึกร้อนจากการออกกำลังเป็นเวลานาน ด้วยอากาศปิดทำให้เราไม่สามารถมองเห็นได้ไกลกว่า 10 เมตร ไม่ต้องพูดถึงวิวทะเลใบไม้สีทองที่อยากเห็นเป็นรางวัลหรือแม้กระทั่งเมืองบอสตันที่เส้นขอบฟ้า ณ ตอนนี้ขอแค่เดินไปข้างหน้าแล้วไม่พลาดตกผาก็น่าจะมากพอแล้ว
เราถ่ายรูปหมอกบนยอดเขาและนั่งพักเติมพลังกันสักพักก่อนตัดสินใจเดินลงที่คะเนดูแล้วน่าจะใช้เวลานานกว่าขาขึ้นเป็นแน่ ด้วยความลื่นและชันของหินทำให้การปีนลงยากกว่ามาก เราให้กำลังใจหลายๆคนที่เดินสวนขึ้นมาแม้จะรู้ว่าระยะทางยังอีกไกลกว่าจะไปถึงยอดสำหรับพวกเขาเหล่านั้น และถึงแม้จะขึ้นไปแล้วไม่เห็นวิวใดๆนอกจากหมอกหนากับละอองฝน สิ่งที่ทำให้การเดินในวันนี้ประสบความสำเร็จก็คือการที่เราก้าวข้ามข้อจำกัดของตัวเองทั้งในด้านความอดทน แม้จะเหนื่อยและกลัวแต่ก็สามารถสงบจิตใจให้เดินขึ้นไปถึงยอดและกลับลงมาถึง campground ได้โดยสวัสดิภาพโดยใช้เวลาไป 7 ชั่วโมง
ส่งท้าย
แสงแดดอ่อนๆที่ส่องเข้ามาในรถไม่สามารถทำให้เราลุกออกจากที่นอนได้ เราตั้งใจนอนตื่นสายเป็นรางวัลแก่การปีนเขาอันยาวนานเมื่อวาน วันนี้เป็นวันสุดท้ายของทริปอีกทั้งยังเป็นวันสุดท้ายที่ campground แห่งนี้จะปิดลงในฤดูหนาว แล้วค่อยเปิดรับ campers อีกครั้งในฤดูใบไม้ผลิปีหน้า
เราทะยอยเก็บของให้เป็นระเบียบก่อนคืนรถหลังจากใช้รถจนกลายเป็นเหมือนบ้านในช่วงเวลาสิบวันที่ผ่านมา ใจหนึ่งก็คิดถึงเตียงนุ่มๆที่บ้านในบรูคลินของเรา แต่จริงๆแล้วเตียงในรถก็นุ่มใช่เล่น อยากกลับบ้านไปอาบน้ำแต่ก็ค้นพบว่าวิธีเช็ดตัวแทนการอาบน้ำไปสองสามวันก็ไม่ได้มีปัญหาอะไร อยากกลับไปทำอาหารมื้ออร่อยแต่เมื่อวันก่อนก็เพิ่งจุดไฟย่างแซลมอนกับหอยเชลล์ตัวอวบอ้วนแถมด้วยสเต็กเนื้อย่างไฟพอเกรียมๆ ทานพร้อมกับสลัดผักหวานกรอบ
คิดแบบนี้แล้วชีวิตใน campervan ก็ไม่ได้ต่างกับที่บ้านเท่าไหร่ อาจจะดีกว่าด้วยซ้ำที่ได้อยู่ใกล้ธรรมชาติแค่เอื้อม ไม่แน่นะโอกาสหน้าเราอาจจะมี campervan เป็นของตัวเองให้ได้มาเล่าเรื่องเที่ยวแบบนี้อีกก็เป็นไปได้ไม่น้อยเลย
Happy Camping
(*) Escape Campervans rental https://www.escapecampervans.com/
(**) Flume Gorge Ticket https://newhampshirestateparks.reserveamerica.com/camping//r/tourParkDetail.do?contractCode=NH&parkId=274351
(***) https://kancamagushighway.com/
(****) Conway Scenic Railroad https://www.conwayscenic.com/excursions/notch-train/
(*****) https://www.reserveamerica.com/
(******) https://koa.com/north-american-camping-report/