เริ่มต้นทัวร์ริ่ง
พวกเราเที่ยวแคนยอนกันเพลินไปหน่อย กว่าจะพายกลับมาถึงที่พักก็เกือบเที่ยงเข้าไปแล้ว ที่พักคืนต่อไปของพวกเราอยู่ที่บ้านไหนหนังซึ่งห่างออกไป 13 กิโลเมตร ระยะไม่มาก แต่ก็ควรจะรีบกินข้าวแล้วรีบออกตัว
ข้าวของทั้งหมดที่พกมาถูกแยกเป็นก้อนเล็กๆ ใส่ถุงกันน้ำ แล้วโหลดเข้าไปตามส่วนต่างๆ ของเรือ การแยกของออกเป็นถุงใบเล็กๆ ทำให้เราจัดการพื้นที่ได้ง่ายกว่าใบใหญ่ใบเดียว
สิ่งที่ขาดไม่ได้คืออาหารและน้ำดื่ม เราแยกถั่วถุงเล็กๆ ใส่กระเป๋าชูชีพติดตัวไว้ แล้วเติมน้ำใส่กระติกทุกใบที่เตรียมมา จัดการเก็บกระติกใบนึงไว้ใกล้ตัว สำหรับจิบกินไปตลอดทาง อีก 2 ใบเก็บในที่หยิบยากกว่าหน่อย รวมแล้วเราตุนน้ำดื่มไปประมาณ 2 ลิตร มีเหลือดีกว่าขาด การขาดน้ำกลางทะเลอาจจะนำไปสู่อันตรายใหญ่หลวงได้
เมื่อทุกอย่างพร้อม กองทัพเก้าพับก็เคลื่อนตัวออกจากท่าเลนกันด้วยความคึกคัก หลังจากนี้คือคายัคทัวร์ริ่งของจริง
พวกเราพายเลาะเลียบแผ่นดินใหญ่ไปเรื่อยๆ เมื่อพ้นหัวมุมอ่าว ก็มีลมตีมาให้พอมีคลื่นเบาๆ ในกองเรือ 9 ลำ มีเรือแบบลำกว้างซึ่งเหมาะกับทะเลสาบหรือแม่น้ำเท่านั้นมาด้วย แผนของพวกเราจึงไม่มีความบ้าบิ่นใดๆ ทั้งสิ้น เลาะขอบแผ่นดินไปเรื่อยๆ เท่านั้น
สงครามที่แท้จริง
แดดยามบ่ายสาดมาพร้อมกับความร้อนรุนแรง ความสนุกของยามเช้าหดหายไปหมดแล้ว ร่างกายเริ่มงอแงจากการนั่งในเรือเล็กมาหลายชั่วโมง
แนวป่าชายเลนขนาบอยู่ทางขวาในระยะไกล รอบข้างไม่มีหาดให้เห็น เฉียงไปทางซ้ายมือมีเกาะเล็กโดดเด่นอยู่เกาะเดียว ทุกลำหันหัวเรือดิ่งไปที่เกาะนั้นโดยไม่ได้นัดหมาย ร่มเงาด้านหลังเกาะช่วยชุบชีวิตพวกเราอีกครั้ง เอาไม้พายพาดยึดเรือติดกันเป็นแพ ผลัดกันเอนตัวนอนเอาขาพาดหน้าเรือเพื่อพักร่างกาย หยิบขนมและเครื่องดื่มมาเติมพลังไล่ความล้า อุณหภูมิใต้ร่มเงาช่างเย็นสบาย แดดจ้าด้านนอกดูเป็นสมรภูมิรบน่ารังเกียจที่ไม่มีใครอยากฝ่าไป จุดพักนี้ยังไม่ถึงครึ่งทางเลย พวกเราพักอยู่นานไม่ได้ จำใจต้องออกเดินทางต่อ
ทิวเขาที่เป็นจุดหมายของวันเริ่มโผล่ให้เห็นในสายตา แต่ไม่ว่าจะพายเท่าไหร่ระยะห่างก็ยังดูเหมือนเท่าเดิม ทิศทางที่เรามุ่งไปสวนกับกระแสน้ำ ถ้าหยุดมือเมื่อไหร่ก็เหมือนเรือจะถอยหลัง กองเรือเริ่มกระจายตัวทิ้งห่างกันตามความแข็งแรงของคนพาย
อ่านต่อหน้า 4